วันจันทร์, 4 พฤศจิกายน 2567

แม่ทัพภาคที่ 4 เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ คนร้ายลอบวางระเบิด บริเวณกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี

วันที่ 9 สิงหาคม 2567 เวลา 17.15 น. พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย พลตรีไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4/ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เร่งเข้าตรวจสอบพื้นที่ หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี และบริเวณทางเข้าตลาดสะพานปลา ตำบลบานา อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี จำนวน 3 ลูก แรงระเบิดส่งผลให้กระจกแฟลตที่พักของข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี และข้าวของได้รับความเสียหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่พักอาศัยอยู่ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีอาการแน่นหน้าอกจากแรงระเบิด ไม่มีผู้เสียชีวิต ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทำการปิดกั้นพื้นที่เข้า-ออก เพื่อความปลอดภัย พร้อมสั่งการให้ตำรวจในพื้นที่อยู่ในที่ตั้ง เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำ

โดย พลตำรวจโท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทราบว่า ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุระเบิด บริเวณทางเข้าตลาดสะพานปลา ตำบลบานา อำเภอเมือง จังหวัดปัตานี จำนวน 1 ลูก และเกิดเหตุระเบิดซ้ำ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เป็นลูกที่ 2 บริเวณถังขยะใกล้กับป้อมยาม ห่างจากลูกแรกประมาณ 200 เมตร จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สังเกตุเห็นรถกระบะอีซูซุ สีขาว ซึ่งจอดติดกับกำแพงของแฟลตตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี เจ้าหน้าที่สังเกตุเห็นว่าด้านหลังมีกล่องโฟมวางอยู่อย่างผิดสังเกต จึงได้ปิดกั้นพื้นที่ไว้ก่อนซึ่งต่อมาได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นเป็นลูกที่ 3 ในที่สุด

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 สั่งการให้ทุกภาคส่วนช่วยเฝ้าระวังพื้นที่โดยรอบ ตรวจสอบการเข้าออกอย่างเข้มข้น โดยพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุมุ่งเป้ากระทำต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนรถที่นำมาใช้ก่อเหตุไม่ใช่รถที่มีประวัติสูญหาย ถือเป็นผลพวงมาจากมาจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าระวังและเข้มงวดมาตลอด ซึ่งช่วงหลังที่ผ่านมา คนร้ายใช้รถที่เช่าซื้อมาจากเต็นท์รถต่างๆ เพื่อนำมาก่อเหตุ เชื่อว่าอีกไม่นานเจ้าหน้าที่จะสามารถขยายผล ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้โดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ สร้างความเสียหาย และกระทบต่อพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจเป็นพื้นที่ชุมชนที่พี่น้องประชาชนอยู่อาศัย และทำมาหากินอยู่ ส่งผลให้พี่น้องประชาชนต้องขาดรายได้ เป็นการซ้ำเติมความยากลำบากของพี่น้องประชาชน และกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่