
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงว่า ตามที่ปรากฏกระแสข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ว่า นักกิจกรรมจำนวน 9 รายถูกดำเนินคดีเนื่องจาก “การแต่งกายชุดมลายู” หรือ “การแสดงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม” นั้น ไม่เป็นความจริง
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากกิจกรรมที่จัดโดย “สมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ (CAP)” เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 บริเวณหาดวาสุกรี อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ซึ่งจากการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนพบว่า มีการแสดงออกและกล่าวถ้อยคำบนเวทีที่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย เช่น การแสดงธงของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน การกล่าวถ้อยคำปลุกระดม และการชักชวนให้รวมตัวต่อต้านรัฐ
พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องผู้จัดกิจกรรมทั้ง 9 รายในข้อหาตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 209, 210 และ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน กรณีการชุมนุมฝ่าฝืนมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 โดยศาลจังหวัดปัตตานีได้กำหนดนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์และจำเลยต่อเนื่อง รวม 9 นัด ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม 2568 โดยในห้วง วันที่ 21, 22 และ 24 ตุลาคม 2568 เป็นช่วงการสืบพยานตามกระบวนการยุติธรรมที่กำหนดไว้
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยืนยันว่า คดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการแต่งกายชุดมลายู หรือการแสดงอัตลักษณ์ท้องถิ่น แต่อย่างใด หน่วยงานภาครัฐยังคงส่งเสริมและสนับสนุนการดำรงไว้ซึ่งศาสนา ภาษา และวัฒนธรรมอันหลากหลายของประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างสังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็งและสันติสุขอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนอีกครั้งว่าคดีดังกล่าวเป็น “คดียุยงปลุกปั่น” ที่มีรายละเอียดการปฏิบัติในกิจกรรมอันมีลักษณะขัดต่อกฎหมาย และขอให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ และไม่หลงเชื่อข้อมูลบิดเบือนที่อาจสร้างความสับสนในสังคม