วันจันทร์, 18 สิงหาคม 2568

กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงสื่อออนไลน์บิดเบือน กรณีเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ อส.ชคต.ตลิ่งชัน ยะลา

วันนี้ (18 สิงหาคม 2568) เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวชี้แจงกรณีผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลตลิ่งชัน อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ภายหลังเจ้าหน้าที่เข้าบังคับใช้กฎหมายผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ได้มีสื่อออนไลน์บางสื่อเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐอีกด้วย

 พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 เวลา 20.12 น. คนร้ายกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน BRN ใช้อาวุธปืนสงคราม ยิง นายหมู่เอก อิสมาแอ นิวา เจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลตลิ่งชัน อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา อายุ 44 ปี กระสุนปืนถูกบริเวณหน้าท้องและขาข้างซ้าย ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ขณะเกิดเหตุ นายหมู่เอก อิสมาแอฯ ขับขี่รถจักรยานยนต์ ออกไปซื้อของที่ร้านค้าซึ่ง อยู่ห่างจากฐานปฏิบัติการประมาณ 500 เมตร ระหว่างเดินทางกลับ ถูกคนร้ายยิงใส่ ทำให้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว หลังจากนั้น นายหมู่เอก อิสมาแอฯ ได้ขี่เร่งเครื่องหลบหนีไปขอความช่วยเหลือที่ ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลตลิ่งชัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่ง โรงพยาบาลบันนังสตา ภายหลังก่อเหตุกลุ่มคนร้ายได้ปล้นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น วีครอส สีเทา หมายเลขทะเบียน กง 6453 ปัตตานี ของชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงขับหลบหนีไป ต่อมาได้พบรถคันดังกล่าว จอดอยู่ข้างทางในพื้นที่ ถนนสาย 4273 บ้านโต๊ะปาแว หมู่ที่ 10 ตำบลตลิ่งชัน อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 10 กิโลเมตร

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ในช่วงระหว่างวันที่ 22 – 23 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าบังคับใช้กฎหมายกับผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ โดยในระหว่างนั้นได้มีสื่อออนไลน์แนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรงหลายสื่อนำเสนอข่าวบิดเบือนเพื่อสร้างความเกลียดชังต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งพยายามกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความไม่ชอบธรรมและละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนก็ได้รับทราบและพยายามอดทนอดกลั้น เพราะมั่นใจในพยานหลักฐาน และความบริสุทธิ์โปร่งใสในการปฏิบัติงาน ซึ่งต่อมาผู้ที่เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวไปซักถามเหล่านั้น ก็ได้ให้การรับสารภาพว่ามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ลอบทำร้าย นายหมู่เอก อิสมาแอฯ จริง รวมถึงยังซัดทอดไปยังผู้ร่วมก่อเหตุรายอื่นๆ อีกหลายราย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
เริ่มต้นจาก นาย มูฮำหมัด เจ๊ะดี เจ้าหน้าที่กู้ภัย องค์การบริหารส่วนตำบลตลิ่งชัน ได้รับคำสั่งจากนาย อับดุลเลาะ ตาเปาะโต๊ะ และนาย รอซะ ยะโกะ ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของเป้าหมายคือ นายหมู่เอก อิสมาแอฯ เจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลตลิ่งชัน ซึ่งมีพฤติกรรมออกไปซื้อของบริเวณร้านค้าดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง โดยในวันก่อนเกิดเหตุ คือวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เวลา 1446 นาย กอเซ็ม เจะแม็ง หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ได้ขับรถยนต์กระบะตอนครึ่งสีขาว ไปรับผู้ก่อเหตุ 4 คนจากหมู่บ้านยือราปันไปส่งที่ขนำห่างจากจุดนัดหมายที่จะก่อเหตุประมาณ 1.5 กิโลเมตร เพื่อรอคอยเวลาและเตรียมความพร้อมก่อนลงมือ แต่ในคืนนั้นได้เกิดฝนตก และ นายหมู่เอก อิสมาแอฯ ไม่ได้เดินทางมายังจุดที่จะลงมือแผนการจึงได้เลื่อนออกไป ต่อมาวันที่ 13 มิถุนายน 2568 เวลา 17.00 น. นาย ซาฟาวี สูแว ซึ่งเป็นพนักงานสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาอำเภอบันนังสตา ได้นำรถยนต์ของทางราชการมารับคนร้าย ทั้ง 4 คน ที่ขนำพร้อมอาวุธสงครามที่จะใช้ก่อเหตุ นำไปส่งที่บ้านร้างห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร เพื่อรอคอยเวลา โดยภายในรถมีนาย อับดุลเลาะ ตาเปาะโต๊ะ และนาย รอซะ ยะโกะ ผู้สั่งการ นั่งมาด้วย

 เมื่อถึงเวลา 20.12 น. นายหมู่เอก อิสมาแอฯ ได้เดินทางมาถึงจุดที่กำหนด คนร้ายทั้งหมดจึงได้เปิดฉากการยิง นายหมู่เอก อิสมาแอฯ ได้รับบาดเจ็บและเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยในระหว่างนั้นพบว่าผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คน เกิดความผิดพลาดยิงใส่กันเอง ทำให้มีผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บ 1 คน ผู้ก่อเหตุที่เหลือจึงไปปล้นรถของประชาชน เป็นรถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น วีครอส สีเทา หมายเลขทะเบียน กง 6453 ปัตตานี ขับหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้พบรถคันดังกล่าว จอดอยู่ข้างทางในพื้นที่ ถนนสาย 4273 บ้านโต๊ะปาแว หมู่ที่ 10 ตำบลตลิ่งชัน อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 10 กิโลเมตร จากผลการซักถามกลุ่มคนร้ายทราบว่าในขั้นตอนการหลบหนี ได้มีนาย กอเซ็ม เจะแม็ง ขับรถยนต์ส่วนตัว และ นาย อับดุลรอมัน สามะอาลี ขับขี่รถจักรยานยนต์ นำทางให้รถผู้ก่อเหตุที่ปล้นมา เพื่อไปขึ้นรถยนต์คันอื่นหลบหนีอีกทอดหนึ่ง

สรุป ในคดีนี้ มีคนร้ายที่เกี่ยวข้อง 12 ราย เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ 5 ราย คาดว่าเสียชีวิต 1 ราย จากการยิงกันเอง และยังคงหลบหนีอีก 6 ราย
และจากผลสรุปของคดีทำให้ทราบว่า ในการก่อเหตุของกลุ่มขบวนการ BRN มีกลุ่มบุคคลจากหลากหลายอาชีพเข้าร่วมขบวนการ บางคนทำงานในระบบราชการ ฉากหน้าเป็นบุคคลดีเด่น เป็นคนดีของสังคมได้รับรางวัลมากมาย บางคนเข้าร่วมกระทำความผิดโดยที่ครอบครัวไม่รู้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ไม่มีประวัติและไม่มีหมายจับจากทางเจ้าหน้าที่ เพื่อให้สะดวกแก่การหลบหนี และไม่สามารถสืบทราบได้แต่เมื่อมีการปฏิบัติในการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ กลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนและแนวร่วม จะมีการปฏิบัติที่สอดรับในเวลาเดียวกัน เช่น การออกสื่อบิดเบือนด้อยค่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่ารังแกประชาชน ใช้กฎหมายในการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมไปถึงนำเรื่องราวแค่เพียงบางส่วน ใช้วาทกรรมประดิษฐ์คำพูด สร้างให้เกิดความคิดเห็นที่แตกแยก โดยเฉพาะกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อมุ่งไปสู่หลักสิทธิในการกำหนดใจตนเองหรือ RSD ผลักดันให้มีการลงประชามติเพื่อแบ่งแยกดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ออกจากประเทศไทยในที่สุด

ทั้งนี้ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ย้ำอีกว่า การปฏิบัติทุกขั้นตอนเป็นไปตามกฎหมาย โปร่งใส และมีพยานหลักฐานยืนยัน พร้อมขอความร่วมมือประชาชนอย่าหลงเชื่อสื่อออนไลน์ที่บิดเบือน เพื่อป้องกันการถูกชักจูงให้เกิดความเข้าใจผิด และสร้างความแตกแยกในพื้นที่