วันเสาร์, 26 กรกฎาคม 2568

คณะกรรมการชายแดนไทย – มาเลเซีย เชื่อมั่นสานสัมพันธ์แน่นแฟ้นสองประเทศส่งเสริมความร่วมมือ ก่อเกิดสันติสุขยั่งยืน ทั้ง 2 ประเทศรู้เท่าทันภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่ ร่วมสร้างชุมชนเข้มแข็งพรมแดนไทย-มาเลเซีย

วันนี้ ( 24 ก.ค.68 ) เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมดิ เอเวอร์ลี่ พูตราจายา ประเทศมาเลเซีย พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ในฐานะประธานกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคฝ่ายไทย และ พลโท ดาโต๊ะ มาเล็ก ราซัค บิน ซูลัยมาน ผู้บัญชาการกองกำลังกองทัพบกสนาม ภาคตะวันตกมาเลเซีย ประธานร่วมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคฝ่ายมาเลเซีย เป็นประธานร่วมในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-มาเลเซีย (กชภ.) ครั้งที่ 116 โดยมีหัวหน้าคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคฝ่ายไทย 6 คณะ และคณะผู้แทนจากสองประเทศร่วมหารืองานเสริมสร้างและเฝ้าระวังชายแดนของหน่วยใช้กำลังทั้งสองฝ่าย เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชนคู่ขนานชายแดนไทย-มาเลเซีย ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง ทั้งสองฝ่ายได้มอบหมายให้คณะกรรมการชุดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมติดตามการดำเนินงานอย่างประสานสอดคล้องใกล้ชิด และนำปัญหา ข้อขัดข้อง กลับมารายงานความคืบหน้าในการประชุมครั้งต่อไป

โดย พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ประกอบพิธีประดับปีกร่มกิตติมศักดิ์ให้กับ พลตรี ดาโต๊ะ ซาฮารูดิน บิน ฮารุน (Maj Gen Dato’ Saharudin bin Harun) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคฝ่ายมาเลเซีย และประกาศเกียรติคุณ พร้อมกล่าวขอบคุณกองทัพบกมาเลเซียที่ให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยด้วยดีมาโดยตลอด ยืนยันกองทัพบกไทยพร้อมทำงานเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในทุกมิติ เชื่อมั่นการทำงานฝ่ายความมั่นคงทั้งสองฝ่ายจะช่วยกันรักษาเสถียรภาพความมั่นคงตามแนวชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายมีความพึงพอใจในการขับเคลื่อนงานของคณะทำงานทั้ง 6 คณะ ที่ดำเนินการได้เป็นอย่างดี อาทิ กิจกรรมด้านการปฏิบัติการฝึก การส่งเสริมความร่วมมือในการจัดการชายแดน การจัดการต่อภัยพิบัติ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ความมั่นคงจัดการกับปัญหารูปแบบใหม่ ซึ่งทั้งสองประเทศยินดีที่หน่วยงานมั่นคงจะทำงานร่วมกันใกล้ชิดในการป้องกัน ปราบปราม อาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันในการสร้างรั้วเดี่ยวบนเส้นพรมแดนระหว่างกัน คือ บริเวณบ้านด่านนอก/ บูกิตกายูฮิตัม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ในระยะทางรวม 11 กิโลเมตร ตลอดจนกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีความคืบหน้า บรรลุความเข้าใจในการแลกเปลี่ยนการพัฒนาสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดน ตลอดจนร่วมกันเปิดมุมมองใหม่ ช่วยกันขจัดปัญหาภัยแทรกซ้อนระหว่างไทยและมาเลเซีย โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงตามแนวชายแดน หวังพัฒนา ส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชนทั้งสองประเทศให้มีความกินดี อยู่ดี ซึ่งรัฐบาลทั้งสองประเทศให้ความสำคัญของความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ครอบคลุมทั้งเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และด้านอาหารฮาลาล รวมทั้งความเชื่อมโยงด้านคมนาคม ส่งเสริมทั้งการท่องเที่ยวระหว่างไทย-มาเลเซีย และการท่องเที่ยวในภูมิภาค

ส่วนมิติด้านความมั่นคง คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคฝ่ายมาเลเซียยืนยันว่าสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นประเด็นภายในของประเทศไทย มั่นใจว่าไทยจะสามารถบรรลุความสำเร็จในการส่งเสริมสันติสุขและความรุ่งเรืองในพื้นที่ ซึ่งกองทัพบกมาเลเซียพร้อมสนับสนุนให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยในทุกมิติ เพื่อจำกัดเสรีกลุ่มขบวนการ และผู้เห็นต่างจากรัฐที่ไม่ประสงค์เห็นสันติสุข ซึ่งเวทีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคนี้ คือสัญลักษณ์แห่ง ความมุ่งมั่นและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่เราได้ร่วมกันสานต่อ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคง ความสงบ และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศต่อไป

ทั้งนี้คณะกรรมการทั้ง 6 คณะภายใต้ กชภ. ประกอบด้วย คณะทำงานด้านการข่าวและปฏิบัติการด้านจิตวิทยา ,คณะทำงานทางบก ,คณะทำงานทางทะเล, คณะทำงานทางอากาศ ,คณะทำงานด้านการจัดการชายแดน และคณะทำงานด้านการจัดการต่อภัยพิบัติ ได้ขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และมีความเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับความยากลำบากและสิ่งท้าทายต่างๆด้วยความตั้งใจแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตามพื้นที่ชายแดนไทย – มาเลเซีย ขณะเดียวกันการจัดการประชุมระหว่างหน่วยงานต่างๆซึ่งมีความร่วมมือและประสานงานกันอย่างใกล้ชิดได้ส่งเสริมและทำนุบำรุงสันติสุข และเสถียรภาพที่ยั่งยืนตามแนวชายแดน ซึ่งความใกล้ชิดแนบแน่นของทั้งสองประเทศผ่านเวทีคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคจะเป็นการพัฒนาความก้าวหน้าและมีความยั่งยืนในทุกมิติ