วันที่ 17 พฤษภาคม 2568 คณะขับเคลื่อนการพูดคุยสันติสุขระดับพื้นที่ (คพท.) จัดประชุมคณะขับเคลื่อนการพูดคุยสันติสุข ครั้งที่ 3 /2568 เพื่อรายงานผลการปฏิบัติงานการขับเคลื่อนการสร้างสภาวะแวดล้อมในพื้นที่ให้เอื้ออำนวยต่อการพูดคุยสันติสุข และเปิดพื้นที่ให้คณะขับเคลื่อนการพูดคุยระดับพื้นที่ ได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสนอแนะแนวทางในการขับเคลื่อนการสร้างสภาวะแวดล้อมในพื้นที่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน พร้อมร่วมกันทบทวนปัญหาข้อขัดข้องปรับแผนการปฏิบัติงาน พร้อมรับทราบความคืบหน้าแนวทางนโยบายและแผนงานการขับเคลื่อนกระบวนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามแนวทางของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย พันโท ปรีชา รุ่งเมือง หัวหน้าสำนักงานขับเคลื่อนการพูดคุยสันติสุขระดับพื้นที่ และผู้แทนคณะขับเคลื่อนการพูดคุยสันติสุขระดับพื้นที่ (คพท.) จากจังหวัดยะลา , ปัตตานี, นราธิวาส และ สงขลา ร่วมประชุม และรายงานผลการปฏิบัติห้วงที่ผ่านมา และเสวนาหารือร่วมกัน ณ โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการเสวนาพูดคุยกัน ในประเด็น “สถานการณ์ จังหวัดชายแดนภาคใต้วันนี้ กับเวทีพูดคุย” โดยผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย พระครูโฆสิตสุตาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดบูรพาราม, พลตรี เฉลิมชัย สุทธินวล ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธี, บาบอฮุสณี บินหะยีคอเนาะ ที่ปรึกษากรรมาธิการสันติภาพชายแดนใต้, ดร.ดุลยรัตน์ บูยูโส๊ะ ประธานคณะขับเคลื่อนการพูดคุยสันติสุขระดับพื้นที่ และนายรอซีดี เลิศอริยะพงค์กุล ผู้ดำเนินการเสวนา พร้อมกับการ “สรุปวิเคราะห์สถานการณ์ จังหวัดชายแดนภาคใต้วันนี้ กับเวทีพูดคุย” ซึ่งข้อสรุปจากการเสวนา และจากการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นส่วนใหญ่ยืนยันอยากให้มีการพูดคุยสันติสุขและการพูดคุยสันติสุขขอให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพูดคุยอย่างจริงจัง
พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า สำหรับกระบวนการพูดคุยสันติสุขทางรัฐบาลได้มีการพูดคุยกันอยู่ ยังมีการแต่งตั้งคณะพูดคุยอย่างเป็นทางการ และในส่วนของการพูดคุยสันติสุขระดับพื้นที่ยังคงเดินหน้าเพื่อสร้างสภาวะแวดล้อม ให้เอื้ออำนวยในการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมมือกันเป็นอย่างดีในการขับเคลื่อน ในส่วนของสถานการณ์การก่อเหตุ ต้องร่วมมือกันป้องกันทุกภาคส่วนฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ต้องปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีภาคประชาชนภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหารวมไปถึงผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น กำลังประจำถิ่นเข้ามาร่วมช่วยกันแก้ไขปัญหา เพื่อให้การแก้ปัญหาเกิดประสิทธิภาพและครอบคลุมในทุกมิติ
