วันที่ 5 มิถุนายน 2568 เวลา 13.30 น. บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีพัทลุง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ได้จัดการประชุมคณะกรรมการบริหารประจำปี ครั้งที่ 2/2568 ขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพัทลุง โดยมี ดร.นาที รัชกิจประการ ประธานกรรมการบริหาร เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วย นายปริญญา กำแหง พาณิชย์จังหวัดพัทลุง,นายเสรี จิตรเวช พัฒนาการจังหวัดพัทลุง,นายธีระวัฒน์ พงศาปาน นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการพิเศษ จังหวัดหวัดพัทลุง,นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง,ผู้แทนกรมพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดพัทลุง และคณะกรรมการบริหารที่เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมขับเคลื่อนทิศทางการบริหารงานของบริษัทในปี 2568–2569 อย่างเป็นระบบและเปี่ยมประสิทธิภาพ
การประชุมครั้งสำคัญนี้ มุ่งเน้นการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน สร้างวิสัยทัศน์ร่วม และเร่งผลักดันกลไกการบริหาร เพื่อให้บริษัทดำรงตนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในระดับจังหวัดและภูมิภาค โดยมีวาระสำคัญ ดังนี้:วาระการประชุมหลัก:1. พิจารณาและรับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการบริหาร ครั้งที่ 1/25682.พิจารณาแนวทางการบริหารและนโยบายประจำปีงบประมาณ 2568–25693.เรื่องเพื่อทราบ:รายงานบัญชีรายรับ–รายจ่ายประจำปี 2568 (ช่วงวันที่ 1 มกราคม – 15 พฤษภาคม 2568)รายการพัสดุและสินค้าคงคลัง ณ วันที่ 31 มกราคม 2561 รายงานสถานะเงินสดในบัญชีบริษัท ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2568
การประชุมครั้งนี้ ยังเป็นการสานต่อผลจาก การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ณ โรงแรมชัยคณาธานี โดยมีวาระสำคัญในการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ แทนกรรมการที่พ้นวาระตามกฎหมาย (1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด) พร้อมทั้งกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เพื่อส่งเสริมความคล่องตัว โปร่งใส และต่อเนื่องในการดำเนินงาน
บริษัทฯ ได้ดำเนินการประชุมในครั้งนี้อย่างเป็นไปตามข้อบังคับของบริษัท ข้อที่ 28 ซึ่งระบุว่าต้องมีการประชุมคณะกรรมการไม่น้อยกว่าสี่ครั้งต่อปี เพื่อประกันคุณภาพการบริหารงาน และเพื่อให้การพัฒนาธุรกิจควบคู่กับประโยชน์สาธารณะของจังหวัดพัทลุงเป็นไปในทิศทางที่มั่นคง
บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีพัทลุง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ขอแสดงความมุ่งมั่นในการเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เสริมสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดพัทลุง ผ่านการดำเนินงานที่มีธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ และตั้งอยู่บนหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อร่วมสร้างสังคมที่เข้มแข็งและมีความสามัคคีอย่างแท้จริง