สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ประชุมพร้อมแถลงแผนพิทักษ์ประชาชนและทรัพยากรตามแนวชายแดน ประจำปี 2568 เพื่อเป็นมาตรการสำคัญในพื้นที่ ที่ดำเนินการผ่านการบูรณาการกับหน่วยงานราชการและหน่วยความมั่นคง โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมการเข้า – ออกของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย, ป้องกันการลักลอบขนย้ายสิ่งของผิดกฎหมาย และสกัดกั้นภัยคุกคามทุกรูปแบบ โดยให้มีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 1 กันยายน 2568
วันนี้ (1 กันยายน 2568) เวลา 13.30 น. ที่ ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ตามแนวชายแดนพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยมี พลตรี ณรงค์ ตันติสิทธิพร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา, ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม
โอกาสนี้ พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวในวาระเปิดการประชุมว่า“การประชุมในวันนี้นับเป็นโอกาสที่ดีที่ทุกหน่วยงานได้มาร่วมกัน เนื่องจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้กำหนดแผนพิทักษ์ประชาชนและทรัพยากรตามแนวชายแดนขึ้น แม้ที่ผ่านมาได้มีมาตรการสกัดกั้นอยู่แล้ว แต่การประกาศแผนครั้งนี้ถือเป็นการเน้นย้ำและเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติ โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหลายหน่วย ทั้งด่านควบคุมโรคติดต่อ, ด่านตรวจคนเข้าเมือง, ด่านศุลกากร และด่านคุ้มครองสัตว์ป่า ซึ่งต่างมีอำนาจหน้าที่เฉพาะ การเปิดแผนครั้งนี้จึงเป็นการบูรณาการให้ทุกหน่วยงานทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
ในมิติด้านความมั่นคง การสกัดกั้นตามแนวชายแดนถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยลดโอกาสการก่อเหตุรุนแรง เพราะหากผู้กระทำผิดสามารถลักลอบเข้ามาได้ หรือมีการนำสิ่งของผิดกฎหมายเข้ามา ย่อมอาจนำไปสู่การสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ดังนั้นแผนนี้จึงเป็นมาตรการที่ชัดเจนและสามารถขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติได้จริง”
สำหรับบรรยากาศการประชุมหารือ เป็นไปด้วยความมุ่งมั่น ทุกภาคส่วนได้ร่วมแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการทำงานของแต่ละหน่วยซึ่งล้วนแล้วมีภารกิจแตกต่างกันไป นอกจากนี้ ยังได้มีข้อเสนอแนะในการปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง ในการตรวจตราและบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดให้สอดคล้องกับการดำเนินงานในพื้นที่อีกด้วย
ก่อนปิดการประชุม รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เน้นย้ำว่า “การทำงานตามแนวชายแดนต้องรู้คน รู้พื้นที่ ต้องเอ็กซเรย์พื้นที่ จัดระเบียบชุมชนและชายแดน รวมถึงข้อมูลผู้กระทำผิดกฎหมาย ตลอดจนพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่อันตราย โดยใช้ฐานข้อมูลที่ทุกภาคส่วนมีอยู่มาขับเคลื่อนร่วมกัน ในเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2568 จะเร่งดำเนินงานอย่างจริงจัง เชื่อว่าจะเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดี พร้อมทั้งให้มีการประสานงานใกล้ชิด เพื่อผนึกกำลังพิทักษ์พื้นที่และสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป”