วันที่ (10 พฤศจิกายน 2568) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานกรรมการบริหารสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เข้าพบ เพื่อหารือการพัฒนาระบบโลจิสติกส์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการส่งออกไทย โดยมีนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง นายจิรโรจน์ ศุกลรัตน์ ผู้อำนวยการผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เข้าร่วมการหารือ ณ ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความแออัดของ ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ส่งผลให้กิดความล่าช้าและต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระยะสั้น และวางรากฐานการบริหารจัดการในระยะยาว จึงได้กำหนดแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้
1.)แก้ปัญหาความแออัดของท่าเรือแหลมฉบัง เร่งใช้ระบบ Truck Queue 100% ภายในปีนี้รวมถึงพัฒนา Port Community System และระบบDashboard บริหารการเข้า – ออก เทอร์มินัลแบบเรียลไทม์2.)จัดสรรลานจอดรถบรรทุกที่รอเข้าท่าเทียบเรือ 70 ไร่ และ 22 ไร่ สำหรับให้รถบรรทุกที่รอเข้าท่าเรือเรือ เพื่อลดการจอดซ้อนหรือไหลล้นสู่ถนนสาธารณะ 3.)เดินหน้าโครงการ ศูนย์กลางตู้สินค้าภายในประเทศ (ICD ลาดกระบัง) ซึ่งเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทางรางเชื่อมโยงโดยตรงกับท่าเรือแหลมฉบังดรถบรรทุกเข้าสู่ท่าเรือกว่า 20% ต่อวัน และเพิ่มศักยภาพระบบราง4.)พัฒนา โครงการ Single Rail Transfer Operator (SRTO) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับตู้สิรค้า5.)ผลักดันท่าเรือแหลมฉบังสู่การเป็น Transshipment Hub และ Green Port ติดตั้งระบบ Shore Power (OPS) ลดคาร์บอนและมลภาวะ
นายพิพัฒน์ เน้นย้ำว่า โลจิสติกส์ สำคัญต่อเศรษฐกิจไทยกระทรวงคมนาคมจะเดินหน้าเชิงรุก เพื่อให้การขนส่งของไทยแข่งขันได้ในระดับภูมิภาคและระดับโลก พร้อมมอบหมายให้จัดตั้ง คณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อขับเคลื่อนข้อเสนอของ สรท. ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม











