
วันที่ 18 พฤษภาคม 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชมการบริหารจัดการแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวในสถานประกอบการ ณ บริษัท ผึ้งน้อยเบเกอรี่ จำกัด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งที่นี่เป็นหนึ่งในสถานประกอบการที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการบริหารจัดการแรงงาน ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว อย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมในการทำงาน และความปลอดภัยของพนักงานทุกคน โดยมี นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ร่วมคณะ หัวหน้าส่วนราชการกระทรวงแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่บริษัท ผึ้งน้อยเบเกอรี่ จำกัด ร่วมให้การต้อนรับ

นายพิพัฒน์ กล่าวชื่นชมว่า “บริษัทผึ้งน้อย” เป็นต้นแบบของกิจการครอบครัวที่เติบโตจากแรงบันดาลใจเล็ก ๆ สู่เครือข่ายเบเกอรี่ที่มีสาขากว่า 44 แห่ง พร้อมแนวทางดูแลพนักงานครบมิติ ทั้งการจ้างผู้สูงอายุ คนพิการ และแรงงานบนพื้นที่สูง การส่งเสริมการออมผ่านกองทุนสวัสดิการที่มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 30 ล้านบาท การฝึกอบรมทักษะ และการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย

นายพิพัฒน์ ยังได้เสนอแนวทางสนับสนุนเพิ่มเติม อาทิ การผลักดันให้ร้านผึ้งน้อยขยายสู่สถานีบริการน้ำมัน เพื่อเข้าถึงลูกค้าในวงกว้าง ให้แนวทางสถานประกอบการ กองทุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับนายจ้างที่ต้องการขยายกิจการ และ กองทุนตั้งตัวสำหรับลูกจ้าง ที่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 เพื่อใช้ต่อยอดอาชีพเสริม
ด้าน เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่า บริษัทผึ้งน้อยเป็นสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัด และนำแนวนโยบายของกระทรวงแรงงานไปปรับใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม จนได้รับรางวัลสถานประกอบการดีเด่นด้านสวัสดิการและความปลอดภัยระดับประเทศต่อเนื่องหลายปี ซึ่งที่นี่ไม่ได้ดูแลแค่เรื่องเงินเดือน แต่มีสวัสดิการรอบด้าน ทั้งกองทุนออมเงินของพนักงาน การดูแลผู้สูงอายุ คนพิการ แรงงานต่างด้าว และยังร่วมมือกับภาครัฐในทุกโครงการอย่างต่อเนื่อง
คุณรัตนา ปาละพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน คือหนึ่งในภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญตั้งแต่วันที่บริษัทเริ่มต้นกิจการจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะการให้แนวทางด้านพัฒนาคน พัฒนางาน และการสร้างระบบฝึกอบรมที่ตอบโจทย์การผลิต โดยเราเริ่มต้นจากโรงงานเล็ก ๆ จ้างคนไม่ถึงร้อยคน จนวันนี้มีพนักงานกว่า 600 คนในหลายจังหวัด ถ้าไม่ได้รับคำแนะนำจากกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คงไปไม่ถึงตรงนี้ บริษัทมุ่งมั่นดูแลพนักงานทุกกลุ่ม ไม่เว้นแม้แต่แรงงานบนพื้นที่สูง คนพิการ และแรงงานสูงอายุ รวมถึงตั้งกองทุนออมเพื่อสร้างความมั่นคง และเปิดร้านค้าสวัสดิการให้พนักงานสามารถซื้อของจำเป็นในราคาถูก พร้อมส่งเสริมการปลูกผักในบ้านเพื่อเสริมรายได้ครัวเรือน
การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นความใกล้ชิดระหว่าง กระทรวงแรงงาน–สถานประกอบการ – แรงงานไทย ที่ทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ภายใต้เป้าหมายเดียวกัน คือ สร้างระบบแรงงานที่มั่นคง พร้อมเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน – นายพิพัฒน์ กล่าวปิดท้าย