วันพุธ, 23 กรกฎาคม 2568

ศาลชั้นต้น พิพากษา “ ประหารชีวิต” แต่คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือ “จำคุกตลอดชีวิต”

 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ศาลจังหวัดปัตตานีอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น (ลับหลังจำเลย เนื่องจากหลบหนี) คดีคนร้ายลอบยิง บริเวณสนามกีฬาหน้าชุดคุ้มครองตำบลคอลอตันหยง หมู่ที่ 4 ตำบลดาโต๊ะ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เป็นเหตุให้ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายเชิดชัย พรหมราชแก้ว ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคอลอตันหยง และนายสิทธิชัย เพ็ชรสุริยา ผู้ใหญ่บ้านคอลอตันหยง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567

 โดยศาลชั้นต้นพิพากษา “ประหารชีวิต” นายฮาซัน (สงวนนามสกุล) จำเลย ความผิดฐาน ก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ความผิดต่อชีวิต และ พระราชบัญญัติอาวุธปืนและวัตถุระเบิดฯ แต่คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือ “จำคุกตลอดชีวิต” และให้ชดใช้เงินแก่ญาติผู้เสียชีวิต ผู้ร้องที่ 1 จำนวน 135,000 บาท และ ผู้ร้องที่ 2 จำนวน 16,000 บาท และ เนื่องจาก คำให้การของจำเลยในชั้นดำเนินกรรมวิธีซักถาม ประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิดช่วงก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ได้เห็นจำเลยกับพวกขับรถจักรยานยนต์ตามเส้นทางในพื้นที่ ตำบลยาบี และตำบลท่ากูโบว์ โดยในชั้นดำเนินกรรมวิธีซักถามจำเลยได้ยอมรับว่าจำเลยกับพวกได้ไปประชุมวางแผนการก่อเหตุในคดีนี้โดยใช้สถานที่ภายในร้านก๋วยเตี๋ยว อีกทั้ง พยาน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ซักถามได้เบิกความยืนยันว่า จำเลยนั้นให้การโดยสมัครใจไม่ได้ถูกทำร้าย หรือบังคับแต่อย่างใด ซึ่งสอดคล้องกับ ผลการตรวจร่างกายยืนยันว่าไม่มีบาดแผลฟกช้ำหรือร่องรอยการถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายแต่ประการใด อีกทั้งการสอบสวนก็ได้กระทำต่อหน้าพี่สาวของจำเลย และต่อหน้าทนายความ ถือเป็นคำให้การที่รับฟังได้โดยชอบตามกฎหมาย และน่าเชื่อว่าจำเลยได้ให้การตามความเป็นจริง ดังนั้นศาลจึงเชื่อว่าจำเลยคือหนึ่งในคนร้ายที่ร่วมอยู่ในขบวนการ และร่วมก่อเหตุในคดีนี้ แต่จำเลยได้รับการประกันตัวในชั้นศาล และหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2568 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังไม่สามารถจับกุมตัวจำเลยได้ ศาลจึงต้องอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยดังกล่าวข้างต้น

 และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ในหลายๆ เหตุการณ์ ที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้สร้างผลกระทบและละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อพี่น้องประชาชนจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ ด้วยความตั้งใจ เนื่องด้วยมีการประชุมวางแผนไว้ล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อย

 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ