
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ศาลฎีกา จังหวัดนราธิวาส มีคำพิพากษา “จำคุก 2 ปี 16 เดือน” นายฟารุดดีน (สงวนนามสกุล) จำเลยความผิดฐานร่วมกันสะสมกำลังพลเพื่อก่อการร้ายฯ, อั้งยี่ จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 คนร้ายใช้อาวุธปืนลอบยิง อส.มูฮำมัดซับรี สาและ อายุ 45 ปี เป็นสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อำเภอบาเจาะ กระสุนปืนถูกเข้าที่ศีรษะและร่างกายหลายนัด จนทำให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
ต่อมา ศาลฎีกา พิพากษา “แก้คำพิพากษา” ศาลอุทธรณ์ ของ นายฟารุดดีน (สงวนนามสกุล) จำเลยความผิดฐานร่วมกันสะสมกำลังพลเพื่อก่อการร้ายฯ, อั้งยี่ จาก “จำคุก 8 เดือน” เป็น “จำคุก 5 ปี” ฐานร่วมกันสะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สินหรือสมคบกัน เพื่อก่อการร้ายหรือกระทำความผิดใด ๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย “จำคุก 4 ปี” ฐานเป็นอั้งยี่ “จำคุก 1 ปี” เนื่องจากคำให้การในชั้นดำเนินกรรมวิธีซักถามชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณาของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุ “บรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานร่วมกันสะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหา หรือรวบรวมทรัพย์สินหรือสมคบกันเพื่อก่อการร้ายหรือกระทำความผิดใด ๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย คง “จำคุก 2 ปี 8 เดือน” และฐานเป็นอั้งยี่ คง “จำคุก 8 เดือน” รวมเป็น จำคุก 2 ปี 16 เดือน (คดีถึงที่สุด จำคุกจำเลยตามคำพิพากษาศาลฎีกา)
โดยกฎหมายของคำว่า “อั้งยี่” หมายถึง การรวมตัวกันเป็นกลุ่มลับอย่างผิดกฎหมาย มีเป้าหมายเพื่อทำสิ่งไม่ดี เช่น วางแผนก่อเหตุร้าย หรือก่อความเหตุความรุนแรง ซึ่งการสนับสนุนการก่อการร้าย ไม่จำเป็นต้องลงมือเอง แต่ ถ้าร่วมจัดหาอาวุธ คน หรือเงินทุน เพื่อสนับสนุน ก็มีความผิดตามกฎหมาย ส่วน “การลดโทษในศาล” มีได้ถ้าผู้ต้องหาให้ความร่วมมือ เช่น ยอมรับผิด หรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรม
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ “อย่าหลงเชื่อ หรือร่วมมือกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง หรือผู้ที่ชักชวนให้เข้าร่วมขบวนการก่อเหตุรุนแรง เพราะกฎหมายไม่ละเว้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความรุนแรง แม้จะไม่ได้ลงมือเอง หากร่วมวางแผน หรือสนับสนุนในทางใดก็ตาม ก็มีโทษจำคุกได้เช่นกัน”