วันจันทร์, 18 สิงหาคม 2568

สถานกงสุลอินโดนีเซีย จ.สงขลา จัดพิธีเชิญธงเนื่องในโอกาสรำลึกวันครบรอบ 80 ปี การประกาศอิสรภาพ 17 สิงหาคม 2568

สถานกงสุลอินโดนีเซีย จังหวัดสงขลา จัดพิธีเชิญธงเนื่องในโอกาสรำลึกวันครบรอบ 80 ปี การประกาศอิสรภาพ 17 สิงหาคม 2568 ภายใต้คำขวัญ “ร่วมมือกัน สร้างประเทศ ประชาชนมั่งคั่ง ประเทศรุ่งเรือง” เดินหน้าเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ

วันที่ 17 สิงหาคม 2568 สถานกงสุลอินโดนีเซีย จังหวัดสงขลา จัดพิธีเชิญธงเนื่องในโอกาสรำลึกวันครบรอบ 80 ปี การประกาศอิสรภาพของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ณ สถานกงสุลอินโดนีเซีย จังหวัดสงขลา อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา โดยมี นายโมฮัมหมัด ริสกี ซาฟารี รักษาการกงสุลใหญ่ เป็นประธานในพิธี พร้อมผู้เข้าร่วมกว่า 500 คน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่สถานกงสุลฯ กลุ่มสมาคมสตรีสถานกงสุลฯ และชาวอินโดนีเซียที่พำนักอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ของไทย รวมถึงนักศึกษา ครู อาจารย์จากหลากหลายสถาบันการศึกษา แรงงานอินโดนีเซีย นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว และศิษย์เก่าอินโดนีเซีย

การจัดกิจกรรมรำลึกวันครบรอบ 80 ปี การประกาศอิสรภาพในปีนี้ ถือเป็นปีที่สองติดต่อกันที่มีผู้เข้าร่วมพิธีกว่า 500 คน นับตั้งแต่สถานกงสุลฯ ก่อตั้งมาในปี พ.ศ.2540 ซึ่งปีนี้ถือเป็นสัญลักษณ์เส้นทางอันยาวไกลของอินโดนีเซียสู่หนึ่งศตวรรษของการสถาปนาประเทศ ภายใต้คำขวัญที่ว่า “ร่วมมือกัน สร้างประเทศ ประชาชนมั่งคั่ง ประเทศรุ่งเรือง” ซึ่งเป็นการจุดประกายความมุ่งมั่นของชาวอินโดนีเซียในการก่อร่างวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่เพื่อสร้างอนาคตของประเทศ ด้วยความสมัครสมานสามัคคีและความปราถนาที่แรงกล้า และบรรลุเป้าหมายความฝันอันยิ่งใหญ่ คือ อินโดนีเซียที่รุ่งเรืองในปี 2588

สำหรับอินโดนีเซียประสบความสำเร็จจัดการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2567 และได้แต่งตั้งประธานาธิบดีตลอดจนผู้บริหารประเทศชุดใหม่ในเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญของประเทศในการก่อร่างสร้างฐานที่แข็งแกร่งสู่ศตวรรษใหม่ ภายในงานยังมีกิจกรรมการแข่งขันและการละเล่นพื้นบ้าน การจับของขวัญของรางวัลแก่ผู้ร่วมงาน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักสนุกสนาน และเป็นกันเอง

สำหรับสถานกงสุลอินโดนีเซีย จังหวัดสงขลา ปฏิบัติภารกิจในจังหวัดภาคใต้ของประเทศไทยมาเป็นเวลากว่า 28 ปี ด้วยความร่วมมือเพื่อประโยชน์ร่วมกันของรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย พร้อมผนึกกำลังร่วมกันสร้างบทบาทที่สำคัญด้วยการเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ