วันพุธ, 6 สิงหาคม 2568

สภาอบจ. สงขลาถกเดือด! 2 ญัตติกู้เงิน 2,000 ล้าน ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ก่อนสภาฯ มีมติเห็นชอบทั้ง 2 ญัตติ “ฉลุย” นายก อบจ. แจงละเอียด ยืนยันทำประชาพิจารณ์ ฟังความเห็นรอบด้าน เคร่งครัดวินัยการเงินการคลัง มุ่งดูแลชีวิตประชาชนเป็นหลัก

วันนี้ (6 สิงหาคม 2568) ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม นายก อบจ.สงขลา พร้อมคณะผู้บริหารและสมาชิกสภา อบจ. ร่วมประชุม โดยมีวาระสำคัญ 2 ญัตติ คือ การขออนุมัติกู้เงินจากกองทุนส่งเสริมองค์การบริหารส่วนจังหวัด (กสอ.) และสถาบันการเงิน รวมกว่า 2,000 ล้านบาท

ในที่ประชุมสภาฯ มีทั้งหมด 13 ญัตติ โดยไฮไลต์อยู่ที่ญัตติที่ 7 และ 8 ซึ่งเป็นการขอความเห็นชอบให้ อบจ.กู้เงินเพื่อใช้ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการซ่อมแซมและปรับปรุงถนน

นายสุพิศ แถลงว่า จากการสำรวจพบถนนที่ชำรุดเสียหายจำนวนมาก จำเป็นต้องซ่อมแซมให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย เพื่อลดอุบัติเหตุ สนับสนุนการท่องเที่ยว และอำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรในการขนส่งผลผลิต รวมเป็น 42 โครงการ

ด้านนายอริย์ธัช ทองเพชร หรือ “สจ.บ่าว” อภิปรายตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการชำระหนี้เงินกู้ โดยเห็นว่าควรกู้เท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้กระทบงบประมาณในอนาคต โดยเฉพาะหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ทั้งนี้ไม่ได้คัดค้านการกู้เพื่อพัฒนาจังหวัด แต่ต้องให้ใช้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

นายสุพิศ ชี้แจงว่า ปัจจุบัน อบจ.สงขลามีถนนในความรับผิดชอบ 209 สาย งบประมาณคงเหลือเพียง 300 กว่าล้านบาท บวกกับงบกลางที่รัฐบาลสนับสนุนเพิ่มราว 30 ล้านบาท ไม่เพียงพอในการซ่อมแซมทั้งหมด แม้จะใช้งบประจำปีดูแลถนนปีละ 200–300 ล้านบาท ก็ไม่สามารถทำให้ถนนทั่วจังหวัดอยู่ในสภาพดีเกิน 50% ได้

จึงได้วิเคราะห์ความคุ้มค่า ทั้งดอกเบี้ยและผลประโยชน์ที่จะเกิดกับประชาชน โดยยึดหลักวินัยการเงินการคลังตาม พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 และมาตรา 49 และยืนยันว่าภาระหนี้จะไม่กระทบต่อรายจ่ายประจำ

“ทุกอย่างที่ทำวันนี้เพื่อชาวสงขลาในระยะยาว อยากให้ยุคนี้เป็นยุคที่ถนนของเราดีที่สุด” นายก อบจ. กล่าว

หรับการกู้เงินในครั้งนี้ ญัตติที่ 7 ขออนุมัติกู้จากกองทุน กสอ. จำนวน 1,002 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1.10% ต่อปี ระยะเวลา 10 ปี จ่ายดอกเบี้ยรวมประมาณ 11 ล้านบาท ส่วนญัตติที่ 8 ขออนุมัติกู้จากสถาบันการเงินจำนวน 1,007 ล้านบาท โดยทั้งสองวงเงินสามารถผ่อนชำระได้โดยไม่กระทบการคลัง

นายสุพิศย้ำว่า ทุกโครงการถนนจะต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์ หากไม่ผ่านจะไม่ดำเนินการ พร้อมกำหนดให้บริษัทรับเหมารับประกันงาน 5 ปี และให้ผู้นำท้องถิ่นร่วมลงนาม MOU ดูแลถนนแต่ละสาย เพื่อให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนทุกพื้นที่