วันอาทิตย์, 4 พฤษภาคม 2568

แม่ทัพไพศาล ลงด่วนพื้นที่ จะแนะ-ตากใบ ประณามผู้ก่อเหตุไร้มนุษยธรรม เร่งรัดบัญชาการยุทธวิธีควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ รุกไล่คนผิด คุ้มครองประชาชน

จากเหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุยิงประชาชนไทยพุทธในพื้นที่อำเภอจะแนะ และอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ภายในเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเป็นหญิงชราอายุ 76 ปี และเด็กหญิงวัยเพียง 9 ขวบ รวมถึงมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายนั้น

พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุทั้งสองจุดทันที พร้อมประกาศประณามการกระทำอันโหดเหี้ยมว่า “เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม ป่าเถื่อน และไร้ความเป็นมนุษย์อย่างสิ้นเชิง ที่สามารถลั่นไกใส่ผู้บริสุทธิ์ซึ่งไม่มีทางสู้ได้ลงคอ”

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้เรียกประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ และทำความเข้าใจต่อกลุ่มพี่น้องประชาชน ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องไทยพุทธที่ยังคงใช้ชีวิต ประกอบอาชีพ ในบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อสร้างความเข้าใจและให้กำลังใจ สร้างความเชื่อมั่น หลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ พร้อมขอความร่วมมือให้ประชาชนสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยเร่งติดตามผู้ก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าการจัดตั้งศูนย์บัญชาการทางยุทธวิธีขึ้นมา และประกาศปฏิบัติการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ทุกส่วนนั้น สามารถควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ได้อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้เพื่อปิดทุกช่องทางหลบหนี ค้นทุกแหล่งที่คาดว่าจะเป็นที่พักพิงหรือซ่อนตัวของแนวร่วม พร้อมกำชับให้ใช้มาตรการด้านความมั่นคงเข้มข้นที่สุด และเนื่องจากการรุกหนักของเจ้าหน้าที่ ผู้ก่อเหตุรุนแรงจึงทำการตอบโต้ ฉนั้นแล้วเจ้าหน้าที่จึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง ทั้งกำลังเจ้าหน้าที่และดูแลกลุ่มเปราะบาง รับมือกับการตอบโต้ตลอด 24 ชั่วโมง “เราจะไม่ยอมให้การกระทำอันป่าเถื่อนมาทำลายความสงบสุขของประชาชนโดยเด็ดขาด และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคน” พลโท ไพศาลฯ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ขอความร่วมมือจากประชาชน หากพบเห็นบุคคลต้องสงสัยหรือพฤติกรรมผิดปกติในพื้นที่ สามารถแจ้งเบาะแสได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่-สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 / ผอ.รมน.ภาค 4 โทร. 061-1732999-สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. โทร. 1341-หรือ หน่วยเฉพาะกิจ ในพื้นที่

ขอเตือนว่าการให้ความช่วยเหลือผู้กระทำผิด เช่น ซ่อนเร้น ให้ที่พักพิง หรือจัดหาเสบียงอาหาร ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สุดท้ายนี้ ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารจากโซเชียลมีเดีย อย่าแชร์หรือส่งต่อข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบหรือยืนยันจากหน่วยงานทางการ เพื่อไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีที่มุ่งหวังสร้างความแตกแยกในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้