
แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 2,500 ปี นับตั้งแต่วันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และเผยแผ่พระธรรมคำสอนสู่ชาวโลก แต่ “แสงแห่งปัญญา” ที่พระองค์ทรงจุดขึ้น ยังคงส่องสว่างกลางใจของพี่น้องพุทธศาสนิกชนมาจนถึงปัจจุบัน

วันนี้ (11 พฤษภาคม 2568) เวลา 17.00 น. ที่ เขาพระศรีศากยมุนีพุทธโคดม ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีเวียนเทียนรอบองค์พระศรีศากยมุนีพุทธโคดม เนื่องในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 วันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันที่มีเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นับเป็นวันสำคัญที่ทุกคนได้ร่วมกันน้อมรำลึกถึงองค์พระศาสดา ผู้จุดเทียนกลางใจให้กับพี่น้องชาวพุทธทั่วโลก และยังเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เสริมสิริมงคลให้กับชีวิต รวมไปถึงสืบสานวัฒนธรรมอันดีงาม โดยมี พระเทพวชิรนายก เจ้าคณะจังหวัดยะลา / เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย นายทหารชั้นสัญญาบัตร นายทหารชั้นประทวน กำลังพลและครอบครัวภายในค่ายสิรินธร และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ตลอดจนพี่น้องพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ ร่วมในพิธีด้วยความอบอุ่น

โอกาสนี้ พระเทพวชิรนายก เจ้าคณะจังหวัดยะลา / เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน ได้บรรยายธรรม ตอนหนึ่งความว่า “วันวิสาขบูชา มิได้เป็นเพียงวันแห่งพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่คือวันที่เราทุกคนควรย้อนระลึกถึงพระมหาบุรุษ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เปลี่ยนความมืดมนในใจมนุษย์ ให้เป็นแสงสว่างแห่งปัญญา พระพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานในวันเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงวงจรของชีวิต — เกิด แก่ เจ็บ ตาย — ที่ไม่มีใครหลีกพ้น นอกจากนี้สิ่งที่พระองค์ทรงค้นพบ คือหนทางแห่งการหลุดพ้นจากความทุกข์ ผ่านหลัก อริยสัจ 4 ประกอบด้วย ทุกข์ คือปัญหาหรือสิ่งที่ทำให้ทุกข์ใจ, สมุทัย คือ สาเหตุของปัญหา, นิโรธ คือ เป้าหมายของการดับทุกข์ และมรรค คือ วิธีการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้พระองค์ทรงเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยคุณ 3 ประการ ได้แก่พระปัญญาธิคุณ คือ ความรู้แจ้งในธรรม, พระบริสุทธิคุณ คือ ความบริสุทธิ์จากกิเลส และพระมหากรุณาธิคุณ คือ ความเมตตาไม่เลือกผู้ใด

นอกจากนี้ ธรรมเทศนา ของท่านเจ้าคณะจังหวัดยะลา ยังได้เน้นว่า “ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ขอให้พี่น้องชาวพุทธทุกคน ได้ร่วมกันน้อมรำลึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และน้อมนำหลักธรรม คำสอนของท่านมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต”

ข้อคิดที่ได้ คือ…ความทุกข์มีอยู่จริงในชีวิต แต่เราสามารถเรียนรู้ เข้าใจ และข้ามพ้นมันได้ จิตใจที่มีปัญญาและกรุณา คือจิตใจที่สร้างสันติทั้งภายในตนและต่อผู้อื่น การระลึกถึงพระพุทธเจ้า ไม่ใช่แค่การกราบไหว้ แต่คือการดำเนินชีวิตตามทางแห่งธรรม

และท่านยังได้กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “ขอให้ทุกคนเริ่มต้นชีวิตด้วยปัญญา ดำรงชีวิตด้วยเมตตาเพื่อความสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป”