วันอังคาร, 14 ตุลาคม 2568

ไม่เอาBRN ไม่เอาความรุนแรง หยุดทำร้ายผู้บริสุทธิ์

พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือดินแดนแห่งวัฒนธรรมอันหลากหลาย ที่พี่น้องชาวไทยพุทธและไทยมุสลิมอยู่ร่วมกันอย่างเอื้อเฟื้อและเคารพในความแตกต่างมาช้านาน แต่ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ความสงบสุขในพื้นที่ถูกท้าทายจาก กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่มุ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนทุกศาสนา โดยไม่เลือกเป้าหมาย ทั้งพระสงฆ์ ครู เด็ก และประชาชนผู้บริสุทธิ์ต่างตกเป็นเหยื่อ

 ตลอดปี 2568 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เลือกเป้าหมายว่าจะเป็นชาวไทยพุทธหรือไทยมุสลิม จุดมุ่งหมายของพวกเขาคือการสร้างความหวาดกลัว ทำลายความสงบสุข และบ่อนทำลายความเชื่อมั่นในสังคมพหุวัฒนธรรมที่เราทุกคนเคยอยู่ร่วมกันอย่างสันติมาโดยตลอด
กลุ่มเหล่านี้ใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือ มุ่งเป้าไปที่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพื่อให้ผู้คนรู้สึกไม่ปลอดภัย หวาดกลัวจนไม่กล้าใช้ชีวิตตามปกติ ไม่กล้าประกอบอาชีพ และค่อยๆ สูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจกันเอง ซึ่งจะนำไปสู่การอ่อนแอของสังคมโดยรวม เหตุการณ์หลายครั้งในปีนี้ เป็นหลักฐานที่ชัดเจนถึงความโหดเหี้ยมของกลุ่มก่อเหตุ เช่น เหตุกราดยิงในจังหวัดนราธิวาส ที่ทำให้เด็กวัยเพียง 9 ขวบต้องเสียชีวิต , เหตุลอบยิงแม่ลูก ขณะลูกพาแม่ตาบอดไปโรงพยาบาล จนทั้งคู่เสียชีวิต , เหตุยิงประชาชนในโครงการของรัฐ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหตุลอบยิงนายวิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม หรือ “นายกอาร์ม” นายกเทศมนตรีตำบลรือเสาะ เสียชีวิตกลางที่ประชุม
เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่สร้างความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน แต่ยังบั่นทอนความสัมพันธ์ และความไว้วางใจระหว่างพี่น้องประชาชน ซึ่งเคยอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพ เข้าใจ และเอื้ออาทรต่อกัน

 ถึงเวลาแล้วที่ประชาชน ต้องลุกขึ้นปกป้องสันติสุข
วันนี้ เราไม่อาจปล่อยให้ความรุนแรงครอบงำชีวิตของเราได้อีกต่อไป ถึงเวลาที่เราทุกคนจะต้องร่วมกัน ปฏิเสธความรุนแรงจากกลุ่ม BRN เราต้องร่วมกันเป็นหูเป็นตา สอดส่อง ดูแล และแจ้งเบาะแสเมื่อพบสิ่งผิดปกติ เพื่อปกป้องชีวิตของผู้บริสุทธิ์และรักษาความสงบสุขให้กลับคืนมา ไม่ว่าจะเป็นไทยพุทธหรือไทยมุสลิม ทุกคนมีสิทธิ์ในการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย ไม่ถูกคุกคาม และไม่ต้องอยู่ใต้เงาของความหวาดกลัว
อย่าปล่อยให้ความเงียบเป็นเครื่องมือของความรุนแรง อย่ารอให้ความสูญเสียเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว แล้วจึงลุกขึ้นมาเรียกร้องความยุติธรรม