วันจันทร์, 3 พฤศจิกายน 2568

พระราชปณิธานแห่งความห่วงใย จุดกำเนิด “อรบ.” พลังแห่งราษฎรอาสา เพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน

ยามเมื่อข่าวการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แผ่กระจายสู่พื้นที่ปลายด้ามขวานของไทย เสียงสะอื้นและคราบน้ำตาได้หลั่งรินจากหัวใจของเหล่า “ราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน (อรบ.)” อย่างมิอาจกลั้นไว้ได้ สำหรับพวกเขา พระองค์มิได้เป็นเพียง “แม่แห่งแผ่นดิน” แต่คือ “แม่ผู้ประทานชีวิตใหม่” แก่ราษฎรที่เคยอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว ความไม่มั่นคง และความมืดมิดของสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้

เมื่อปี พ.ศ. 2547 คือช่วงเวลาที่ไฟแห่งความรุนแรงโหมกระหน่ำ ประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส , ปัตตานี , ยะลา และบางส่วนของจังหวัดสงขลา ต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวง ไม่กล้าออกไปทำงาน ไม่มั่นใจในความปลอดภัยของครอบครัว ในยามที่ประชาชนสิ้นหนทาง พระองค์ได้ทรงยื่น “พระหัตถ์แห่งความเมตตา” ลงมาจากฟ้า ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้จัดตั้ง โครงการราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน (อรบ.) เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ลุกขึ้นมาร่วมแรงร่วมใจ ปกป้องถิ่นฐานของตนเอง เรียนรู้การใช้อาวุธ การเฝ้าระวังภัย และรวมพลังกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว โดยมีคำตรัสที่ยังคงดังก้องในหัวใจของทุกคนคือ… “หากเป็นแบบนี้ ประชาชนก็อยู่ไม่ได้… จะหาทางช่วยให้จัดตั้งกลุ่ม เพื่อให้คนในหมู่บ้านดูแลตัวเองได้” ด้วยพระสุรเสียงนั้น ความสิ้นหวังจึงกลายเป็นพลัง และความหวาดกลัวจึงถูกแปรเป็นความกล้า “อรบ. หรือ ราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน” จึงถือกำเนิดขึ้นในผืนแผ่นดินปลายด้ามขวาน ภายใต้ร่มพระบารมีของแม่แห่งแผ่นดินผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตา

วันที่ 24 ตุลาคม 2568 เมื่อข่าวการเสด็จสวรรคตเผยแพร่ไปถึงพสกนิกรไทย ทุกหัวใจของราษฎรอาสารักษาหมู่บ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ราวกับหยุดเต้น เสียงสะอื้นปนคำภาวนา ประสานกันเป็นเสียงเดียว ดังก้องไปทั่วราวกับแผ่นดินกำลังร้องไห้ร่วมกัน

นางสุชิรา แสนสุข หัวหน้ากองพันราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เล่าด้วยความซาบซึ้งว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรง ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2547 ชาวบ้านไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้อีกต่อไป หลายครอบครัวต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ความหวาดกลัวเข้าครอบงำทุกย่างก้าว และชาวบ้านเมื่อไม่มีหนทาง จึงได้รวมกลุ่มกันนำความเดือดร้อนไปกราบบังคมทูลถวายฎีกาต่อ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ วัดตันติการาม (วัดตอหลัง) อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2547 ในวันนั้น…พระองค์ได้ตรัสด้วยน้ำเสียงอันเปี่ยมด้วยความห่วงใยว่า “หากเป็นแบบนี้ ประชาชนก็อยู่ไม่ได้ อยู่ก็ระแวง ใช้ชีวิตไม่ได้ ประกอบอาชีพไม่ได้… จะหาทางช่วยให้จัดตั้งกลุ่มเพื่อดูแลคนเหล่านี้ ให้คนในหมู่บ้านดูแลตัวเองได้” พระราชดำรัสนั้นเปรียบเสมือน แสงแห่งความหวัง ที่ส่องประกายกลางรัตติกาลอันมืดมิดของชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนภาคใต้

ตามพระราชเสาวนีย์ พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการฝึกอาวุธ ณ ค่ายจุฬาภรณ์ จังหวัดนราธิวาส ระหว่างวันที่ 11–15 กันยายน 2547 โดยมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยพร้อมเพรียงกัน หลังจากการฝึกเสร็จสิ้น จึงได้มีการจัดตั้ง “โครงการราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน” อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งจัดให้มีการสวนสนามถวายแด่พระองค์ ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ เป็นภาพแห่งความภาคภูมิใจที่ยังตราตรึงอยู่ในใจของราษฎรอาสารักษาหมู่บ้านทุกคนจนถึงวันนี้

นางสุชิราฯ เล่าด้วยน้ำตาแห่งความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณว่า “คิดอยู่เสมอว่า… ถ้าพระองค์ท่านไม่รับสั่งให้เลิก เราก็จะอยู่ตรงนี้ เพราะเราเป็นราษฎรของท่าน พระองค์ท่านไม่เพียงดูแลราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน ในหมู่บ้าน แต่ทรงดูแลทุกชีวิต ทรงพระราชทานธนาคารข้าว พระราชทานเงิน 300,000 บาท เพื่อให้เรามีกิน มีอยู่ในยามยากลำบาก และพระองค์ยังได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 300,000 บาท ให้แต่ละพื้นที่ เช่น ที่ตำบลตันหยงลิมอ เพื่อจัดตั้ง “ธนาคารข้าว” ในวัดตอหลังและวัดป่าไผ่ เพราะทรงห่วงใยว่าชาวบ้านอาจขาดรายได้จากการกรีดยางในยามเกิดเหตุรุนแรง ธนาคารข้าวนั้นจึงกลายเป็น “เสบียงแห่งชีวิต” ที่หล่อเลี้ยงผู้คนให้ก้าวผ่านความทุกข์ร้อน ด้วยพลังแห่งพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้
ปัจจุบันในพื้นที่ 13 อำเภอของจังหวัดนราธิวาส มีราษฎรอาสารักษาหมู่บ้านกว่า 6,000 คน ยังคงยืนหยัดอยู่ภายใต้ร่มพระบารมีอย่างมั่นคง แม้พระองค์จะเสด็จสู่สวรรคาลัย แต่คำสอนและพระราชปณิธานยังคงส่องแสงนำทาง ทุกคนต่างตั้งสัตย์ปฏิญาณร่วมกันว่า “เราจะสานต่อพระราชดำริของพระองค์ ด้วยชีวิตและหัวใจ จะปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน จะยืนหยัดเพื่อแผ่นดินไทย ตราบจนสิ้นลมหายใจสุดท้าย”

แม้ร่างของพระมหากษัตริยาธิราชินีผู้ทรงเป็นมารดาแห่งแผ่นดินจะลาลับ แต่พระมหากรุณาธิคุณยังสถิตอยู่ในหัวใจของลูก ๆ ทั่วผืนแผ่นดินจังหวัดชายแดนภาคใต้ ราษฎรอาสารักษาหมู่บ้านทุกคนต่างพร้อมรวมพลัง สานต่อภารกิจแห่งความรัก ความเสียสละ และความภักดี เพื่อถวายแด่พระองค์ ผู้ทรงเป็นนิรันดร์ในใจของปวงชนชาวไทย “ขอพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย… ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ลูก ๆ ราษฎรอาสารักษาหมู่บ้านจะสืบสานพระราชปณิธาน ปกป้องแผ่นดินนี้ไว้ด้วยชีวิต”