วันพุธ, 5 พฤศจิกายน 2568

“เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน“ ศปส.กอ.รมน.ภาค 4 สน. ร่วมกับ ศอ.ปส. นราธิวาส เดินหน้าขับเคลื่อนแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

 วันนี้ (5 พฤศจิกายน 2568) เวลา 10.00 น. ที่สถานฟื้นฟูสมรรถภาพพลเมือง กรมการปกครองจังหวัดนราธิวาส (บ้านนราภารดร) กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดนราธิวาสที่ 1 ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรี วิธเวช วิเศษศรี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นประธานการประชุมหารือ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดนราธิวาส โดยมี นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, ผู้แทนจากส่วนราชการทหาร ตำรวจ, หน่วยงานด้านสาธารณสุข ตลอดจนส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

 โอกาสนี้ พลตรี วิธเวช วิเศษศรี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนภารกิจด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน และเชื่อมโยงการทำงานของทุกภาคส่วน ทั้งระดับจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น ให้เดินไปในแนวทางเดียวกัน พร้อมทั้งพัฒนาฐานข้อมูลผู้เสพและผู้ค้าให้มีความถูกต้อง ทันสมัย และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในการวางแผนแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ จังหวัดนราธิวาสได้รับการกำหนดให้เป็น “จังหวัดต้นแบบ” ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมถึงการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด โดยมี ฝ่ายปกครองจังหวัดนราธิวาส ทำหน้าที่เป็นปราการหลักในการขับเคลื่อนงาน และได้ใช้บ้านนราภารดร เป็นศูนย์บำบัดฟื้นฟูฯ และยังมีรีเอกซเรย์ชุมชน เพื่อค้นหาและนำผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการบำบัดอย่างเหมาะสม ควบคู่กับการสร้าง ภูมิคุ้มกันทางสังคม ในระดับชุมชนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

 จากนั้น พลตรี วิธเวช วิเศษศรี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เป็นประธานมอบหนังสือรับรองผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูฯ ตามโครงการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติดแบบ Residential Care ประจำปีงบประมาณ 2568 (หลักสูตร 120 วัน) ให้กับผู้สำเร็จการบำบัด จำนวน 30 คน เพื่อเป็นกำลังใจในการกลับคืนสู่สังคมอย่างมั่นคง และสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณค่า รวมไปถึงสามารถเป็นอีกหนึ่งกำลังในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สู่ความยั่งยืนต่อไป