วันพฤหัสบดี, 6 พฤศจิกายน 2568

เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย แถลงผลการจับกุมคดียาเสพติด คดีอุกฉกรรจ์ ในพื้นที่ จชต. ย้ำ!! ปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน ด้าน มทภ. 4 เผย “เตรียมเสนอ ซีลชายแดนและสร้างรั้ว ไทย-มาเลฯ ป้องกันลักลอบสิ่งผิดกฎหมาย และผู้ก่อเหตุรุนแรง

วันนี้ (6 พฤศจิกายน 2568) เวลา 09.30 น. ที่ กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง 3 ฝ่าย ได้แก่ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดและคดีอุกฉกรรจ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำเดือนตุลาคม 2568 โดยมี พลโท นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานฯ พร้อมด้วย พลตำรวจโท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกู เลขาธิการ ศอ.บต. ตลอดจน ผู้แทนหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงเข้าร่วม

พลโท นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และทุกส่วน ร่วมแถลงผลการปฏิบัติงานของฝ่ายความมั่นคงในห้วงเดือนตุลาคม 2568 โดยไม่ได้ทำงานเพียงลำพัง แต่มีพี่น้องประชาชนอยู่เคียงข้าง และเป็นพลังสำคัญในการทำงาน คือ “การรักษาความสงบเรียบร้อย” และ “การสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน” ของพี่น้องประชาชนในทุกมิติ นี่คือความมุ่งมั่นตั้งใจของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ และดำรงไว้ซึ่งจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบต่อความมั่นคงของพื้นที่อย่างแท้จริง ทั้งนี้ การปฏิบัติงานทั้งหมดของฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับ นโยบายของหน่วยงานความมั่นคง และกรอบของแนวทาง “8 กิจสำคัญ”ที่ได้กำหนดไว้ ไม่ได้เป็นกรอบการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ หรือฝ่ายปกครองเท่านั้น แต่เป็น “วิสัยทัศน์ร่วม” ที่ต้องการให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วม และเป็น “พลังร่วมขับเคลื่อน” เพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ร่วมกันอย่างแท้จริง

โดยจากการแถลงข่าวมีการปราบปรามการแพร่ระบาดและสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดตามแนวชายแดน มีการจับกุมคดีผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญจำนวน 3 คดี ในจังหวัดนราธิวาส และจังหวัดยะลา ยึดยาบ้า รวมกว่า 3.1 ล้านเม็ด และได้ยึดทรัพย์และอาวุธปืน เป็นของกลางเพื่อขยายผลต่อไป นอกจากนี้ยังมีการแถลงคดีความมั่นคงเหตุคนร้ายปล้นร้านทองเยาวราชกรุงเทพฯ สาขาห้างบิ๊กซีสุไหงโกลก จากการสืบสวนนำไปสู่การควบคุมผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 คน ซึ่งให้การรับสารภาพ และขยายผลส่งผลให้ปัจจุบันได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนราธิวาสไว้แล้วจำนวน 7 หมาย

อีกทั้ง ยังมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีคนร้ายฆ่า 2 ศพและปล้นรถจักรยานยนต์ บริเวณริมบึงใต้ต้นสนใกล้รูปปั้นพญานาค หาดนราทัศน์ ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 และคดีคนร้ายยิงนายูฮัมหมัด ฟูอัด ฟาร์มี บิน กาซาลี คนสัญชาติมาเลเซีย ที่เสียชีวิตที่ชุมชนบือเร็ง เจริญเขต ซอย 19 จังหวัดนราธิวาส ยืนยัน ทั้ง 2 คดี ไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง และมีการสืบสวนสอบสวนจนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้สำเร็จ

ด้าน พลตำรวจโท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ยืนยันว่า ทุกฝ่ายทำงานด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส พร้อมขยายผลทุกคดีนำไปสู่การออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในกระบวนการสอบสวนสืบสวน และตรวจพิสูจน์ สามารถทำให้แยกแยะแต่ละคดีว่าเกี่ยวข้องกับความมั่นคงหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่า ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการทุกขั้นตอนและปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน

ทั้งนี้ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ศอ.บต.มีบทบาทในการพัฒนาในทุกมิติ ในด้านของการเยียวยาได้มีการดำเนินงานเยียวยาตามมติคณะรัฐมนตรี และระเบียบ กพต. ซึ่งเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทุกรายโดยเร็วที่สุดหลังประสบเหตุ ในขณะนี้เตรียมนำระเบียบการช่วยเหลือเยียวยามาปรับแก้เพื่อลดขั้นตอนการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบต่อไป

โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังกล่าวอีกว่า” ในปีงบประมาณ 2569 มีการวางแผนสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตั้งแต่ต้นทางในจังหวัดชุมพร และระนอง ร่วมกับ ปปส. ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการขนย้ายยาเสพติดมาสู่ภาคใต้ และเตรียมปัดฝุ่น จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการปราบปรามยาเสพติดจังหวัดชายแดนภาคใต้” ซึ่งมีโครงสร้างเดิมอยู่แล้ว โดยปีนี้จะร่วมกันดำเนินงานทุกมิติในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด พร้อมจะได้เสนอต่อรัฐบาลในการซิลชายแดน เพื่อสกัดกั้น ทั้งยาเสพติด และผู้ก่อเหตุที่อาจจะใช้เส้นทางในการเข้า- ออกทางเส้นทางธรรมชาติ รวมถึงสอดรับกับการดำเนินงานของฝั่งมาเลเซีย ที่ดำเนินการรื้อท่าข้ามผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันผู้กระทำผิดข้ามไปมาระหว่างประเทศ นอกจากนี้ เสนอจัดทำรั้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบ และอยู่ระหว่างการจัดทำโครงการเสนอ”