ปัญหายาเสพติดนับเป็นภัยที่คุกคามความมั่นคงระดับชาติ ที่เป็นความทุกข์ของพี่น้องประชาชนทุกหย่อมหญ้า รวมไปถึงส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยในสังคม รัฐบาลภายใต้การนำของ นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงให้ความสำคัญสูงสุดกับการเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังและเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับพื้นที่และยกระดับการป้องกันและปราบปรามให้ครอบคลุมทุกมิติ
วันนี้ (11 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม 1 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย คณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภาคประชาชน กระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ ประชุมชี้แจงแผนปฏิบัติการ “รวมพลังจิตอาสา เอาชนะยาเสพติดในจังหวัดชายแดนภาคใต้” เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ให้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เป็นบ่อนทำลายชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยมี พลเอก วิชาญ สุขสง ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภาคประชาชน กระทรวงยุติธรรม, พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, พลตรี ชาคริต อุจะรัตน รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, พลตำรวจโท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9, นายนันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, พลตรี เฉลิมชัย สุทธินวล ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, นางพาตีเมาะ สดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี, นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา, ดร.แวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี, ตลอดจนรองผู้ว่าจังหวัดนราธิวาส, ผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส และสงขลา), บุคลากรจากกระทรวงสาธารณะสุข, ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น, ผู้นำศาสนา, หัวหน้าส่วนราชการ และส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
โอกาสนี้ พันตำรวจโท ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า “ยาเสพติดเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งพบปัญหารุนแรงและซับซ้อนมากที่สุดในประเทศ จึงกำหนดให้เป็นวาระพิเศษที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างจริงจัง โดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพืชกระท่อม น้ำกระท่อม และกัญชา ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และประชาชนในระดับพื้นที่ โดยแผนนี้มีเป้าหมายสำคัญคือ การจัดการกับผู้ค้ารายย่อย ผู้มีอิทธิพล และลดจำนวนผู้เสพซึ่งกำลังเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะน้ำกระท่อม ซึ่งแม้เป็นพืชที่เคยผ่อนคลายทางกฎหมาย แต่ในปัจจุบันกลับกลายเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อสังคมอย่างรุนแรง
ในระยะยาวจำเป็นต้องมีการทบทวนและปรับปรุงกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับพืชกระท่อมและกัญชาให้เข้มงวดและรัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อควบคุมการใช้ให้เกิดประโยชน์และไม่สร้างผลกระทบเชิงลบต่อชุมชน
“การวัดผลของแผนนี้ จะต้องวัดจากความรู้สึกของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ประชาชนต้องรู้สึกปลอดภัย เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และผู้ที่ติดยาเสพติดต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟูอย่างจริงจังและทั่วถึง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าวทิ้งท้าย
