
การส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง คือหนึ่งในนโยบายสำคัญของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เพื่อการสร้างสรรค์และเปิดพื้นที่ รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในบริบทสังคมพหุวัฒนธรรม สำนักมวลชนและกิจการพิเศษ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ภายใต้การสนับสนุนการดำเนินงานของ พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 จึงกำหนดจัดโครงการ “สานสัมพันธ์ไทยพุทธ – มุสลิม จังหวัดชายแดนภาคใต้” ปีที่ 2 ในวันที่ 2 – 6 มิถุนายน 2568 ณ ประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษาเรียนรู้ สังคมพหุวัฒนธรรมต่างพื้นที่ และนำกลับมาขยายผลต่อการพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
วันที่ 3 มิถุนายน 2568 ที่ รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย พันโท พฤกษชาติ พูลพัฒนโยธิน หัวหน้าชุดควบคุมที่ 955 ได้นำพี่น้องประชาชนไทยพุทธและไทยมุสลิมจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 50 คน ร่วมเดินทางศึกษาเรียนรู้ ณ เมืองจอร์จทาวน์ เมืองท่าศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของรัฐปีนัง โดยเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ อาทิ ปีนังฮิลล์ ศาสนสถานหลากหลายศาสนา ทั้งพุทธมหายาน หินยาน อิสลาม และฮินดู เพื่อเปิดโลกทัศน์ สร้างแรงบันดาลใจ และแลกเปลี่ยนมุมมองในการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืนในอนาคต
โดยสถานที่แรกที่คณะฯ ได้ไปร่วมศึกษาเรียนรู้คือ ปีนังฮิลล์ (Penang Hill) หรือที่พี่น้องชาวมาเลเซียเรียกในภาษามลายูว่า บูกิต เบนดีรา (Bukit Bendera) ตั้งอยู่ใจกลางเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย บนยอดเขาที่สูงที่สุด มีความสูงถึง 823 เมตรจากระดับน้ำทะเล สถานที่แห่งนี้ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับคณะฯ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกพัฒนามาต่อเนื่องเป็นอย่างระบบ กลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องไปเยือน
ต่อมาคณะฯ เดินทางต่อไปยัง วัดเก็กลกสี่ (Kek Lok Si Temple) หรือวัดเขาเต่าที่คนไทยหลายคนรู้จัก วัดแห่งนี้เป็นวัดจีนพุทธนิกายมหายานที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซียและใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในวัดมีหอพระ ให้พี่น้องประชาชนได้สักการะองค์พระต่าง ๆ รวมไปถึงขอพรเสริมความสิริมงคล และที่สำคัญยังเป็นศาสนสถานที่ควรค่าแก่การศึกษาเรียนรู้ในเรื่องของประวัติศาสตร์ความเป็นมา รวมไปถึงคติชนความเชื่อของคนในท้องถิ่น
จากนั้น คณะฯ ได้เดินทางต่อไปที่ วัดไชยมังคลาราม โดยมีชื่อเดิมว่า วัดปูเลาตีกุซ หรือ วัดโหละติโกย เป็นวัดไทยบนถนนเกอลาไว ตำบลปูเลาตีกุซ ในเมืองจอร์จทาวน์ รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับวัดพม่าธรรมิการาม ซึ่งเป็นวัดพม่าที่มีชื่อเสียงของรัฐปีนัง ส่วนวัดไชยมังคลารามนั้น ถือเป็นศาสนสถานของชาวสยามที่เก่าแก่ที่สุดในเกาะปีนัง ภายในอุโบสถมีพระนอนยาวที่สุดในประเทศมาเลเซีย โดยมีความยาว 108 ฟุต สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2500 โดยมีชื่อว่าพระพุทธชัยมงคล ซึ่งสมเด็จพระชนกาธิเบศ ได้พระราชทานนามให้ในคราวเสด็จประพาสเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2505
สำหรับในช่วงเย็นคณะฯ ได้มีโอกาสร่วมเดินเท้า ศึกษาเยี่ยมชม Penang Street art บนถนน Armenian ซึ่งเป็นถนนเส้นเล็ก ที่มีนักท่องเที่ยวเดินพลุกพล่าน มีรถสามล้อรับจ้าง ที่ใช้คนเข็นแบบสมัยก่อนเมื่อราว 40-50 ปีที่แล้ว พร้อมเดินชมบ้านเรือนเก่าแก่ สวยแปลกตา สไตล์จีนผสมผสานยุโรป สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกิส และมีมุมถ่ายรูปที่เป็นเอกลักษณ์ของภาพวาดบนกำแพง street art เป็นเสน่ห์ของเมืองมรดกโลก
ด้าน นางมารีนี บินยูโซ๊ะ ผู้เข้าร่วมโครงการ เปิดเผยว่า “การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดี ที่พี่น้องไทยพุทธและไทยมุสลิม จากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมกันเรียนรู้วิถีชีวิตในสังคมพหุวัฒนธรรม ณ เกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลายทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็น พุทธ จีน ชาวมุสลิม ซิกข์ หรือฮินดู ทุกศาสนาอยู่ร่วมกันได้ด้วยความเคารพ เข้าใจ และให้เกียรติกัน ที่สำคัญคือประชาชนที่นี่ร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาบ้านเมือง จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับนานาชาติ และเมื่อมองที่บ้านเราจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ก็มีบริบทที่คล้ายคลึงกัน ทั้งในด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเสน่ห์ของวิถีชีวิตเฉพาะถิ่น หากพวกเราทุกคนร่วมมือกันสร้างสรรค์สังคม ยกระดับพื้นที่ให้เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เปิดใจและเปิดพื้นที่ให้กับนักท่องเที่ยวและผู้คนภายนอกได้เข้ามาสัมผัส ก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กลายเพชรงามสังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็งที่ทรงคุณไม่แพ้ที่ใดในโลก”