วันเสาร์, 7 มิถุนายน 2568

รมช.เดชอิศม์ร่วมหารือ“แก้ปัญหาผู้พิการทางสายตาประกอบอาชีพนวดไทยและสถานบริการนวดไทยเพื่อสุขภาพที่อยู่นอกระบบ 30 บาท รักษาทุกที่”

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 68 ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ชั้น 4 นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ประชุมหารือร่วมกับ อาจารย์นิเวศน์ บวรกุลวัฒน์ แพทย์แผนไทยชำนาญการ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นายเอกกมล แพทยานันท์ นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย คณะกรรมการบริหาร และที่ปรึกษาสมาคมฯ ผู้พิการทางสายตาที่ประกอบอาชีพนวดไทย ในประเด็นแนวทางแก้ไขปัญหาผู้พิการทางสายตาประกอบอาชีพนวดไทยและ สถานบริการนวดไทยเพื่อสุขภาพที่อยู่นอกระบบ 30 บาท รักษาทุกที่

ด้วย ผู้พิการทางสายตามีความสามารถในการประกอบอาชีพนวดไทย ซึ่งเป็นอาชีพที่มีความภาคภูมิใจและได้รับการยอมรับในระดับสากล อย่างไรก็ตาม ผู้พิการเหล่านี้และสถานบริการนวดไทยเพื่อสุขภาพจานวนมากยังอยู่นอกระบบ “30 บาท รักษาทุกที่” ส่งผลให้ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐ และขาดโอกาสทางอาชีพ .ปัญหาที่พบ คือ

1. ขาดโอกาสเข้าถึงลูกค้า เพราะไม่ได้อยู่ในระบบบัตรทอง

2. ขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น เงินอุดหนุนหรือสิทธิด้านภาษี

3. เกิดความเหลื่อมล้ำ ประชาชนที่ใช้สิทธิบัตรทองไม่สามารถเข้าถึงบริการของผู้พิการได้.

จึงได้ประชุมหารือร่วมกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ตาม พรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ได้กำหนดให้หน่วยงานที่มีการจ้างงาน พนักงาน 100 คน จะต้องมีการจ้างงานคนพิการ 1 คน โดยคณะกรรมการบริหารสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย มีข้อเสนอ ดังนี้

1.1 ผลักดันให้หน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุข จ้างหมอนวดผู้พิการทางการมองเห็นที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือสภาการแพทย์แผนไทย เข้าทำงานเป็นผู้ให้บริการหรือเป็นแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาลภาครัฐทุกแห่งทั่วประเทศตามตำแหน่ง โดยเฉพาะโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งเป็นหน่วยบริการที่อยู่ใกล้บ้านของผู้พิการทางการมองเห็น

1.2 ส่งเสริมให้โรงพยาบาลของรัฐบาลและเอกชนให้พื้นที่จำหน่ายสินค้าให้กับผู้พิการทางการมองเห็นซึ่งถือเป็นการปฏิบัติตาม พรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

2. ผลักดันกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ให้ออกหลักสูตรกลางและรับรองหลักสูตรด้านการนวดไทยเพิ่มเติม เช่น การนวดศีรษะ คอ บ่า ไหล่ (office syndrome), การนวดน้ำมันหอมระเหย, การนวด sport massage เพื่อให้องค์กรหรือหน่วยงานของคนตาบอดได้นำไปใช้ในการฝึกอบรม และนำหลักสูตรกลางขอรับสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

3. ส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานประกอบการร้านนวดของคนตาบอดที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการ เข้าสู่ระบบการเบิกจ่าย ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพ ประกันสังคม และระบบเบิกจ่ายของราชการ

3.1 ผลักดันให้ผู้พิการทางการมองเห็น ที่ถือ “บัตรทอง ท.74 สำหรับคนพิการ” สามารถเข้ารับบริการนวดได้ในสถานบริการของรัฐทั่วประเทศ

4. ให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพแก้ไขหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้สมาคม มูลนิธิ องค์กรเอกชนที่ไม่ใช่สถานศึกษา อบรมหลักสูตรนวดฝ่าเท้าเพื่อสุขภาพสำหรับผู้พิการทางการมองเห็น 80 ชั่วโมง และหลักสูตรนวดเพื่อสุขภาพสำหรับผู้พิการทางสายตา 255 ชั่วโมง จากเดิมรับผู้เข้าอบรมได้ไม่เกิน 7 คน แก้ไขเป็นไม่เกิน 10 คน เนื่องด้วย 7 คน ไม่ครบคู่ในการฝึกปฏิบัติ

5. ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดงาน “มหกรรมการนวดไทยในคนตาบอด” ในปลายปี พ.ศ. 2568 เพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพคนตาบอดและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ.โดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวว่า “แนวทางดังกล่าวไม่เพียงช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการทางสายตาเท่านั้น แต่ยังสามารถมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมได้อีกด้วย พร้อมกันนี้ ยังได้สั่งการมอบหมายให้ผู้แทนจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานและการแก้ไขปัญหาในเชิงระบบต่อไป”