วันเสาร์, 21 มิถุนายน 2568

แม่ทัพภาคที่ 4 ประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน.ภาค 4 สน. ติดตามผลการปฏิบัติงาน – พร้อมเน้นย้ำมาตรการรักษาความปลอดภัย ให้ปรับแผน และเพิ่มระดับความปลอดภัย

วันที่ 19 มิถุนายน 2568 เวลา 13.30 น. ณ แหล่งสมาคมนายทหารสัญญาบัตร กองพลทหารราบที่ 15 ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานการประชุม หน่วยขึ้นตรงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และติดตามผลการปฏิบัติงานของหน่วย ประจำเดือนมิถุนายน 2568 โดยมี พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, พลตรี ชาคริต อุจะรัตน รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, พลตรี กรกฎ ภู่โชติ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และคณะผู้บังคับบัญชากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้, ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.), ทหาร, ตำรวจ, ฝ่ายปกครอง ส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมฯ

โดยที่ประชุมได้มีการบรรยายสรุปสถานการณ์และแนวโน้มการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ พร้อมร่วมหารือถึงแนวทางการรักษาความปลอดภัย การควบคุมพื้นที่ การเสริมสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน โดยการขับเคลื่อนฮูกุมปากัต (ธรรมนูญหมู่บ้าน 9 ดี) ขับเคลื่อนขยายผลสู่ชุมชนต่างๆ และการดำเนินการฝึกยกระดับขีดความสามารถของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกำลังภาคประชาชนในการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ร่วมกับส่วนต่างๆ

ทั้งนี้ในที่ประชุมฯ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมดำเนินภารกิจ พร้อมเน้นย้ำให้ดำเนินงานตามนโยบายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องสิทธิและสวัสดิการของกำลังพลในการปฏิบัติงาน ซึ่งต้องมีการปรับลดอย่างเป็นระบบ ไม่ให้กระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของเจ้าหน้าที่ กำชับให้ทุกหน่วย ได้มีการวางแผนและปรับแผนการปฎิบัติงาน ด้านการรักษาความปลอดภัย และขอให้กำลังพล ปฏิบัติงานด้วยความไม่ประมาท ต้องมีการเรียนรู้และฝึกทักษะในด้านต่างๆ และนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติงาน เพราะการแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เนื่องด้วยปัจจุบันกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบแนวทางการก่อเหตุ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ หรือกำลังพล ผู้ปฏิบัติงานต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติงานเช่นเดียวกันเพื่อให้สามารถ รับมือและตอบโต้การเกิดเหตุในรูปแบบต่างๆเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานอย่างต่อเนื่องและขยายผลให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เพื่อสร้าง การรับรู้ที่ถูกต้องให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง และเปิดพื้นที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและป้องกันเหตุ ตลอดจนสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิด และความเข้าใจร่วมกันในสังคม เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูลจากฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อภาครัฐ รวมถึงส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานความมั่นคงอีกด้วย