วันนี้ (26 มิถุนายน 2568) เวลา 11.00 น. ที่ ห้องสมิหลา 1 โรงแรมบีพี สมิหลา บีช อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา พลตรี เสฏฐวุฒิ จันทนะ เลขาธิการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นประธานในพิธีปิดการประชุมสัมมนาปรับโครงสร้างการจัดและอัตรากำลังของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ประจำปี 2569 ระหว่างวันที่ 24 – 26 มิถุนายน 2568 ซึ่งจัดโดยสำนักนโยบายและแผน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นการเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนมุมมองเพื่อนำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างการจัดและอัตรากำลังให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมไปถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดยมี พันเอก ยุทธนา สายประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วยผู้แทนสำนักอำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เข้าร่วมประชุมสัมมนาฯ จำนวน 110 นาย
โอกาสนี้ พลตรี เสฏฐวุฒิ จันทนะ เลขาธิการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า “กำลังพลทุกนายทำงานมาแล้ว 9 เดือน เหลือเวลาอีกประมาณ 3 เดือนในปีงบประมาณ 2568 สิ่งที่ได้รับจากการสะท้อนความคิดเห็นของกำลังพลถือเป็นประโยชน์อย่างมาก” พร้อมระบุว่า การเรียนรู้จากอุปสรรคและข้อขัดข้องในการทำงานที่ผ่านมา จะนำไปสู่การปรับปรุงให้การทำงานของวันพรุ่งนี้ ให้ดีกว่าวันนี้ เช่นเดียวกันปีหน้าก็ต้องกว่าปีนี้
เวทีนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการ “ติดอาวุธทางความคิด” ให้กับผู้เข้าร่วม โดยมีการแลกเปลี่ยนมุมมองจากผู้บังคับบัญชา อาทิ พลตรี ชาคริต อุจะรัตนะ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และหัวหน้าส่วนต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจบริบทของการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับการกำหนดทิศทางในการปฏิบัติงานต่อไป
ทั้งนี้ ข้อคิดเห็นและประเด็นต่าง ๆ ที่ได้รับในวันนี้จะถูกรวบรวมไปพิจารณา โดยสำนักนโยบายและแผน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และบางประเด็นที่มีการสะท้อนออกมาจากกำลังพล ถือว่าเวทีนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการวางรากฐานใหม่สำหรับการปรับโครงสร้างในปีงบประมาณ 2569 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทุกแนวคิด สามารถนำไปสู่การปฏิบัติจริง และตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน เพื่อร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และนำพาสันติสุขสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
