วันอังคาร, 1 กรกฎาคม 2568

ความคืบหน้าการจับกุมคนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่จังหวัดกระบี่ พังงา และภูเก็ต

 จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา สามารถจับกุมคนร้ายจำนวน 2 ราย คือ นาย มูหามะ วาเด็ง และ นายสุไลมาน กาซา ชาวจังหวัดปัตตานี พร้อมวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง จำนวนหนึ่งได้ที่บริเวณแยกบายพาสหน้าศาลากลางจังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 เวลา 03.30 น. ต่อมา ตำรวจภูธรภาค 8 ได้ส่งตัวคนร้ายทั้ง 2 ราย ให้แก่ตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อดำเนินการซักถามขยายผล เนื่องจากพฤติการณ์ของคนร้ายทั้ง 2 ราย มีลักษณะที่ใกล้เคียง กับการก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการพิจารณาประกอบผลการซักถาม สรุปได้ว่า วัตถุระเบิดที่ตรวจยึดได้พร้อมกับคนร้ายมีวงจรระเบิดซึ่งปรากฎใช้งานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาแล้วหลายครั้ง จึงพิจารณาได้ว่าการก่อเหตุในครั้งนี้เป็นการกระทำของกลุ่มขบวนการ BRN โดยทำการประกอบระเบิดขนาดเล็ก จากนั้นทยอยลำเลียงเข้าพื้นที่ผ่านเส้นทางหลักและเส้นทางรองตามปกติ โดยใช้แนวร่วมซึ่งไม่มีประวัติ หรือไม่มีหมายจับ เพื่อให้ง่ายต่อการผ่านจุดตรวจตามเส้นทาง และจากการซักถามเพิ่มเติมทราบว่า กลุ่มคนร้ายได้เดินทาง เข้า – ออก ระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อประชุมวางแผนและรับคำสั่งในการก่อเหตุ จำนวน 3 ครั้ง ดังนี้

ห้วงที่ 1 วันที่ 18 – 19 ธันวาคม 2567

 ห้วงที่ 2 วันที่ 13 – 14 มกราคม 2568

 ห้วงที่ 3 วันที่ 23 – 24 เมษายน 2568

โดยมีนายเตาฟิตฯ และนายไซฟุดดิน หะยีปูเต๊ะ เป็นผู้สั่งการ และ มีผู้ให้การสนับสนุน จำนวน 14 ราย แบ่งออกเป็น

– ผู้จัดซื้อและสั่งรถลงมาจากกรุงเทพมหานคร จำนวน 3 ราย

 – ผู้รับรถที่จัดซื้อ จำนวน 5 ราย

 – ผู้ส่งรถให้ผู้ก่อเหตุ จำนวน 4 ราย

 – และ ผู้ขับรถรับ -ส่ง ผู้ก่อเหตุ จำนวน 2 ราย

จากผลการซักถาม จุดที่วางระเบิด จำนวน 11 จุด มีระเบิดทั้งหมดรวม 15 ลูก แบ่งเป็น

 จังหวัดกระบี่ 4 จุด จำนวน 5 ลูก

 จังหวัดพังงา 1 จุด จำนวน 1 ลูก

 จังหวัดภูเก็ต 6 จุด จำนวน 6 ลูก

 และ ถูกจับกุมพร้อมคนร้าย 1 ลูก

 ปัจจุบันสามารถเก็บกู้ได้ทั้งหมด สำหรับคนร้าย สามารถจับกุมได้ 5 ราย เป็นผู้ก่อเหตุ จำนวน 2 ราย และผู้ให้การสนับสนุน จำนวน 3 ราย

 สรุป คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ แบ่งเป็น ผู้สั่งการ จำนวน 2 ราย ผู้สนับสนุน จำนวน 14 ราย และผู้ก่อเหตุ จำนวน 4 ราย จับกุมได้แล้ว จำนวน 5 ราย

สำหรับมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้คาดว่ากลุ่มขบวนการ BRN พยายามกดดันรัฐบาลให้เข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการเจรจา ซึ่งการก่อเหตุนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเป็นยุทธศาสตร์หลักที่สำคัญของขบวนการ BRN โดยที่ผ่านมาได้เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง และจากวัตถุพยานที่ตรวจยึดได้ พิจารณาได้ว่าการกระทำในครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เนื่องจากเป็นระเบิดขนาดเล็ก อานุภาพการทำลายไม่ร้ายแรง และไม่มีชิ้นส่วนสังหาร โดยมุ่งหวังเพียงสื่อภาพความรุนแรงออก สู่สาธารณชนเท่านั้น เนื่องจากคนร้ายมุ่งเน้นวางระเบิดในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว สนามบิน และสถานที่เชิงสัญลักษณ์ เช่น หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นหลัก

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามแผนสกัดกั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงก่อเหตุนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
และกรุงเทพมหานคร โดยมีแนวทางแบ่งพื้นที่ปฏิบัติออกเป็น 3 พื้นที่ ประกอบด้วย 

1. พื้นที่ตามแนวชายแดน โดยเขตติดต่อกับประเทศมาเลเซีย ด้านจังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส มอบหมายให้ หน่วยเฉพาะกิจยะลา, หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และ หน่วยเฉพาะกิจ นาวิกโยธินกองทัพเรือ ร่วมกับ กองบังคับการควบคุมสุริโยทัย เป็นหน่วยรับผิดชอบ ปฏิบัติตามแผนสกัดกั้นชายแดน ประจำปี 2568 ด้านจังหวัดสงขลา มอบหมายให้ หน่วยเฉพาะกิจสงขลา ประสานการปฏิบัติ กับ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบ ปฏิบัติตามคำสั่งป้องกันชายแดน ประจำปี 2568 ของกองกำลังเทพสตรี

2. พื้นที่รักษาความมั่นคงภายใน ประกอบด้วย 

 – พื้นที่ป่าภูเขาและหมู่บ้านเชิงเขา มอบหมายให้ หน่วยเฉพาะกิจจังหวัด โดย ชุดปฏิบัติการป่าภูเขา ของ หน่วยเฉพาะกิจประจำพื้นที่ และ หมวดลาดตระเวนระยะไกลป่าภูเขา เข้าปฏิบัติการในพื้นที่

 – พื้นที่ตอนใน เขตหมู่บ้าน / ชุมชน, เขตเทศบาล และเมืองเศรษฐกิจ มอบหมายให้หน่วยเฉพาะกิจจังหวัด บูรณาการกำลังทุกประเภท เข้าปฏิบัติการในพื้นที่

 – นอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ ของ จังหวัดสงขลา ประสานหน่วยงาน ที่รับผิดชอบ ตรวจสอบตามเส้นทางรถยนต์ และเส้นทางรถไฟ

ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ