วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.00 น. สื่อมวลชนสำนักข่าว ช่อง Bernama จากประเทศมาเลเซีย เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างวันที่ 1 – 3 กรกฎาคม 2568 เพื่อพบปะและสัมภาษณ์บุคคลสำคัญเพื่อรายงานเกี่ยวกับ “นโยบายในการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้” โดยมี นายขดดะรี บินเซ็น ประธานสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เปิดเผยว่า สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นควบคู่กับศูนย์อำนวยการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ตามพระราชบัญญัติ ศอ.บต. 2553 แต่ความพิเศษของสภาที่ปรึกษาฯ คือ สมาชิกสภาฯ ซึ่งก็คือตัวแทนภาคประชาชน โดยใช้กลุ่มอาชีพเป็นเสมือนเขตการเลือกตั้ง แม้ไม่ใช่เป็นการเลือกตั้งโดยตรงแต่ในทางการเมืองการปกครองถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการเป็นตัวแทน วุฒิสภาในปัจจุบันถือเป็นตัวอย่างของระบบดังกล่าว เกียรติยศและศักดิ์ศรีของสภาที่ปรึกษา จึงได้รับการรับรองทั้งทางนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และการยินยอมพร้อมใจจากประชาชนเจ้าของอำนาจ และยิ่งไปกว่านั้น เจตจำนงและเจตนารมณ์ของการให้มีสภาที่ปรึกษาฯขึ้น คือการเป็นองค์กรที่เป็นที่พึ่งของประชาชนในพื้นที่ทั้งในเรื่องของความง่ายในการเข้าถึง โดยมีนโยบายที่ชัดเจนขับเคลื่อนไปอย่างพร้อมเพรียงกัน 3 ประเด็นหลักคือ 1. สร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นกับองค์กรทั้งทางด้านงบประมาณ บุคลากร สร้างกลไกการทำงานที่มีประสิทธิภาพ 2. สนับสนุนการทำงานของ (ศอ.บต.) (สมช.) (กอ.รมน.) ตลอดจนหน่วยงานของรัฐอย่างเต็มความสามารถโดยเฉพาะในส่วนของกลไกภาคประชาชน เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัย สันติสุขแก่ประชาชนในพื้นที่ 3. สร้างความเข้มแข็งแก่ภาคประชาชน สนับสนุนเครือข่ายชุมชน เครือข่ายพหุวัฒนธรรมและการศึกษาโดยขับเคลื่อนไปพร้อมๆกับการสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจชุมชน และเตรียมความพร้อมเปิดรับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค “สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ชุดนี้มุ่งมั่นทำงานร่วมกัน เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชน สร้างสังคมชายแดนใต้ที่มั่นคง ปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตเท่าเทียมกับทุกภูมิภาคของประเทศ” — นายขดดะรี กล่าว
ต่อมาเวลา 15.20 น. ทางคณะสื่อสำนัก Bernama ได้เดินทางไปยัง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยมี พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมให้สัมภาษณ์ประเด็น “นโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้” ในส่วนของ ศอ.บต. มีบทบาทหน้าที่สำคัญในจังหวัดชายแดนภายใต้ มีหน้าที่สร้างความอยู่ดีกินดีของประชาชนและสร้างความร่วมมือ เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่บูรณาการทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ ฝ่ายพลเรือน ฝ่ายปกครอง เพื่อเชื่อมโยงให้กับรัฐบาลที่มีหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ โดยใช้นโยบาย เข้าใจ — เข้าถึง — พัฒนา มีกรอบยุทธศาสตร์ชัดเจน เสริมด้วยการบูรณาการภาครัฐ การมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน การสื่อสารให้เกิดความเข้าใจ กระบวนการเจรจาเพื่อสันติภาพ โดยยึดหลักพหุวัฒนธรรมเป็นแกนหลัก แต่ต้องปรับโครงสร้างภายในให้คล่องตัว และเสริมระบบติดตาม-ประเมินผลให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยท่านเน้นย้ำ ถึงนโยบายและความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับประเทศมาเลเซียที่ชัดเจนหลายประเด็นสำคัญ โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับความมั่นคง พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สังคม และการศึกษา ผ่านเครือข่ายระหว่างประเทศ จัดตั้งคณะทำงานพิเศษร่วมกับ 5 จังหวัดชายแดนใต้ของไทย และ 5 รัฐของมาเลเซีย เพื่อขับเคลื่อนโครงการเมืองเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน และมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วม เช่น ด่านตรวจ CIQ, การเดินเรือ Ro‑Ro, ระบบถนน และสะพานเชื่อมระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย
