ศูนย์ข่าวชาวบ้านนิวส์
Khawchawbannews

สุดเจ๋ง “เทคโนโลยียางและพอลิเมอร์” มรภ.สงขลาคว้ารางวัลบทความวิจัยดีเด่น 3 ปีซ้อน

สุดเจ๋ง “เทคโนโลยียางและพอลิเมอร์” มรภ.สงขลา คว้ารางวัลบทความวิจัยดีเด่น 3 ปีซ้อน




                อาจารย์ นักศึกษา สาขาวิชาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ มรภ.สงขลา แทคทีมโชว์ผลงานเวทีประชุมวิชาการระดับชาติ คว้ารางวัลบทความวิจัยดีเด่น สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน   


                ดร.วัชรินทร์ สายน้ำใส อาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ตนพร้อมด้วยนักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ รวม 5 คน คือ น.ส.สุนิสา หัวนา น.ส.มัณฑนา สงไข น.ส.ฟาตีฮะห์ แดวอสนุง น.ส.วาสนา หมัดล่าเตะ และ นายณัฐกานต์ หมันนาเกลือ เข้าร่วมประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 11 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ภายใต้แนวคิด “วิจัยสร้างนวัตกรรม เพื่อพัฒนาท้องถิ่นและสังคมไทย สู่ Disruptive Society” ในการนี้ ผลงานวิจัยเรื่อง “การปรับปรุงการอ่อนตัวของความเค้นและพลังงานสูญหายของยางธรรมชาติวัลคาไนซ์โดยใช้แคลเซียมคาร์บอเนตร่วมกับเขม่าดำเกรด N330 เป็นสารตัวเติม” จัดทำโดย สุนิสา หัวนา มัณฑนา สงไข สุไหลหมาน เบญฤทธิ์ และ วัชรินทร์ สายน้ำใส ได้รับรางวัลบทความวิจัยดีเด่น (Best Paper Award) สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ ซึ่ง มรภ.สงขลา ได้รับรางวัลบทความวิจัยดีเด่นติดต่อกันเป็นปีที่ 3 จากเวทีนี้


                ดร.วัชรินทร์ กล่าวว่า ในการเข้าร่วมการประชุมวิชาการระดับชาติครั้งนี้ นอกเหนือจากผลงานวิจัยที่ได้รับรางวัลแล้ว ยังมีงานวิจัยเรื่องอื่นๆ จากอาจารย์และนักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ มรภ.สงขลา นำเสนอในรูปแบบโปสเตอร์ กลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ ได้แก่ การศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้แคลเซียมคาร์บอเนตจากเปลือกหอยแครงเป็นสารตัวเติมในยางธรรมชาติ โดย วาสนา หมัดล่าเตะ และ วัชรินทร์ สายน้ำใส ลักษณะการวัลคาไนซ์ สมบัติทางกายภาพ และการเสื่อมสภาพของยางธรรมชาติผสมแป้งพืชเป็นสารตัวเติม โดย ฟาตีฮะห์ แดวอสนุง นฤปนาถ พลเมือง วัชรินทร์ สายน้ำใส การศึกษาเปรียบเทียบการผ่อนคลายความเค้นของยางแผ่นรมควันและยางแท่งมาตรฐานไทยด้วยเครื่องทดสอบความหนืดมูนนี่ โดย ณัฐกานต์ หมันนาเกลือ ไรฮานา เจะเตะ และ วัชรินทร์ สายน้ำใส



                สำหรับงานวิจัยเรื่อง การปรับปรุงการอ่อนตัวของความเค้นและพลังงานสูญหายของยางธรรมชาติวัลคาไนซ์โดยใช้แคลเซียมคาร์บอเนตร่วมกับเขม่าดำเกรด N330 เป็นสารตัวเติม มีที่มาจากการเล็งเห็นว่ายางธรรมชาติผสมสารตัวเติมที่วัลคาไนซ์แล้ว เมื่อถูกกระทำอย่างต่อเนื่องจะมีการอ่อนตัวของความเค้น หรือเกิดการแตกหักเสียหายได้ ปรากฏการณ์การอ่อนตัวของความเค้นนี้รู้จักกันทั่วไปในชื่อผลของมูลลินส์ (Mullins effect) นอกจากนี้ ยางซึ่งเป็นวัสดุประเภทหยุ่นหนืดจะเกิดการสูญเสียพลังงานจากแรงกระทำอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ แรงที่ใช้ในการผิดรูปจะมากกว่าแรงที่ใช้ในการคืนตัวกลับ โดยพลังงานที่สูญเสียไปนี้จะอยู่ในรูปของพลังงานความร้อนสะสม จึงศึกษาเพื่อปรับปรุงสมบัติการอ่อนตัวของความเค้นและพลังงานสูญหายของยางธรรมชาติวัลคาไนซ์ โดยใช้แคลเซียมคาร์บอเนตร่วมกับเขม่าดำเกรด N330 เป็นสารตัวเติมในปริมาณ 40 phr โดยแปรสัดส่วนของแคลเซียมคาร์บอเนตกับเขม่าดำเกรด N330 เป็น 40/0, 30/10, 20/20, 10/30 และ 0/40 phr



                “จากการศึกษาพบว่า การใช้แคลเซียมคาร์บอเนตร่วมกับเขม่าดำเกรด N330 เป็นสารตัวเติม สามารถปรับปรุงสมบัติด้านการอ่อนตัวของความเค้นและพลังงานสูญหายของยางธรรมชาติวัลคาไนซ์ได้ ซึ่งสมบัติดังกล่าวมีค่าสูงขึ้นตามสัดส่วนของเขม่าดำเกรด N330 ในสารตัวเติมผสมที่เพิ่มขึ้น สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมยางต่อไป” ดร.วัชรินทร์ กล่าว