
โศกนาฏกรรมกลางดึกของวันที่ 16 ตุลาคม 2548 ที่วัดพรหมประสิทธิ์ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี คืออีกหนึ่งเหตุการณ์ความรุนแรงที่ยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของชาวพุทธทั้งประเทศ คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้บุกเข้าไปในวัด ใช้ความรุนแรงอย่างโหดเหี้ยมสังหารพระและเด็กวัด 3 ราย จากนั้นนำศพไปไว้บนกุฏิ แล้วใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงจุดไฟเผาทำลายกุฏิ รวมถึงยังใช้ท่อนไม้ ก้อนหิน มีดพร้า และอาวุธปืน ทุบ ฟัน และยิงข้าวของภายในโบสถ์ รูปปั้นยักษ์เก่าแก่หน้าประตูโบสถ์ และรูปหล่อหลวงพ่อพรหมที่ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์จนได้รับความเสียหาย ซึ่งเหยื่อความรุนแรงในครั้งนั้น ประกอบด้วย พระแก้ว โกสโร อายุ 78 ปี และเด็กวัดอีก 2 ราย อายุเพียง 15 และ 17 ปี การกระทำครั้งนั้นไม่เพียงคร่าชีวิตพระสงฆ์และเด็กวัดผู้บริสุทธิ์ แต่คือการกระทำที่จงใจโจมตีศาสนา ทำลายความศรัทธาของชาวพุทธ และเป็นการลบหลู่ศักดิ์สิทธิ์อย่างไร้มนุษยธรรม
กลุ่มขบวนการ BRN ได้ก่อเหตุโดยใช้วิธีการสร้างความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้มาอย่างต่อเนื่อง ไม่คำนึงถึงศีลธรรม คุณธรรม หรือแม้แต่ชีวิตของผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่ปฏิบัติตนตามหลักพระธรรมวินัยและจริยวัตร เพื่อสืบสานคำสอนของพระพุทธเจ้าและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม หรือเยาวชนผู้แสวงหาความรู้และศรัทธาในพระพุทธศาสนา พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เพียงแต่สร้างบาดแผลลึกในใจของประชาชนชาวไทยเท่านั้น แต่ยังทำลายความพยายามในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขระหว่างศาสนาในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความเชื่อ เป็นการซ้ำเติมความหวาดกลัว ความไม่ไว้ใจ และทำให้สังคมถอยห่างจากสันติสุขที่ทุกคนปรารถนา
ในฐานะคนในพื้นที่ที่มีสิทธิเสรีภาพ ต้องร่วมมือ และช่วยกันประณามการกระทำอันป่าเถื่อนของขบวนการ BRN อย่างถึงที่สุด และขอเรียกร้องให้ทั้งภาครัฐและนานาชาติร่วมกันผลักดันให้ผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้ต้องเกิดขึ้นซ้ำในสังคมอีก และขอให้เป็นบทเรียนสำคัญ ว่าความแตกต่างทางศาสนาไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือแห่งความเกลียดชัง ความรุนแรงไม่ใช่หนทางของการเปลี่ยนแปลง และไม่มีอุดมการณ์ใดที่ชอบธรรม หากต้องแลกด้วยชีวิตผู้บริสุทธิ์