วันนี้ (10 กันยายน 2568) เวลา 08.30 น. ณ ชุดคุ้มครองตำบลศาลาใหม่ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ปฏิบัติภารกิจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรง จำนวน 6 ราย พร้อมอัญเชิญสิ่งของพระราชทานจำนวน 50 ชุด มอบแก่เจ้าหน้าที่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ โดยมี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4, ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, ปลัดกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ร่วมให้การต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง
ต่อมา เวลา 09.00 น. องคมนตรีและคณะเดินทางไปยัง สถานีตำรวจภูธรสากอ อำเภอสุไหงปาดี เพื่ออัญเชิญสิ่งของพระราชทาน 40 ชุด มอบแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงหลายครั้งในพื้นที่ อาทิ เหตุลอบวางระเบิดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568, เหตุเผายางและวางวัตถุต้องสงสัยเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2568 และเหตุระเบิดบนถนนหมายเลข 4056 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 ซึ่งส่งผลให้เจ้าหน้าที่และประชาชนได้รับบาดเจ็บหลายราย
เวลา 10.45 น. องคมนตรีได้เดินทางไปยัง กองร้อยทหารพรานที่ 4910 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเยี่ยมและมอบกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่และประชาชน โดยมี พลโท ไพศาล หนูสังข์ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารพราน หัวหน้าส่วนราชการ และกำลังพลให้การต้อนรับ ในโอกาสนี้ได้อัญเชิญสิ่งของพระราชทาน 50 ชุด มอบแก่เจ้าหน้าที่ รวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุลอบวางระเบิดแสวงเครื่องเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 ขณะปฏิบัติภารกิจในพื้นที่บ้านไอร์บือแต ตำบลช้างเผือก
จากนั้น องคมนตรีและคณะ เดินทางต่อไปยัง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เพื่อร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ในพื้นที่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้าง โรงเรียนพระดาบสจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารเรียน 2 ชั้น กำแพงกันดิน และห้องน้ำ 10 ห้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2568
ในการนี้ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้นำความห่วงใยของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี มายังเจ้าหน้าที่และราษฎรในพื้นที่ โดยทั้งสองพระองค์ทรงติดตามสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างใกล้ชิด และเมื่อเกิดเหตุความสูญเสีย ทรงมีพระราชดำรัสแสดงความห่วงใยและพระราชทานกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ ครอบครัวกำลังพล ข้าราชการ และประชาชน พร้อมพระราชทานแนวทางให้การปฏิบัติงานด้านความมั่นคงต้องมีความรอบคอบรัดกุม ใช้ข้อผิดพลาดเป็นบทเรียนเพื่อปรับปรุงแก้ไข และหากมีสิ่งใดที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน สามารถขอพระราชทานความช่วยเหลือผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทรงพระราชทานความช่วยเหลืออย่างดีที่สุด
