วันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.45 น. ที่ห้องประชุม หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลโท นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยศูนย์สันติวิธี เพื่อรับฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงาน โดยกำลังพล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
หน่วยขึ้นตรงศูนย์สันติวิธี ได้นำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนงานสันติวิธี โดยเน้นว่า ทุกหน่วยต้องร่วมกันสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นกับทุกภาคส่วนของสังคม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน และเปิดโอกาสให้ผู้เห็นต่างเข้ามามีบทบาทในการสร้างสันติสุขอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการพัฒนาองค์ความรู้ด้านหลักศาสนา ประวัติศาสตร์ และกฎหมายที่ถูกต้อง ควบคู่กับการจัดอบรมเสริมศักยภาพให้ประชาชนและผู้นำชุมชน เพื่อสร้างอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิต อันจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ นอกจากนี้ ยังเน้นการทำงานร่วมกับผู้แทนชุมชนและผู้นำท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน รวมถึงผู้ต้องหาหรือผู้ที่หลงผิด มุ่งสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน ขณะเดียวกันได้เดินหน้าเครือข่ายมวลชนผ่านเวทีเสวนา สัมมนา และการประชุมต่างๆ เพื่อร่วมกันแสวงหาทางออกในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมีส่วนร่วมและยั่งยืน
ด้านแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำประเด็นสำคัญคือการแก้ไขปัญหายาเสพติด การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิดให้แก่เยาวชน พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ปฏิบัติการเกินกรอบที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งให้ความสำคัญต่อการรับฟังทัศนคติและความรู้สึกของประชาชนต่อเหตุการณ์ความรุนแรง เพื่อให้การดำเนินงานสะท้อนข้อเท็จจริงและมุมมองของสังคมอย่างรอบด้าน รวมถึงเน้นย้ำในส่วนของงานด้านการข่าวให้มีความเข้มข้นและรอบคอบมากยิ่งขึ้น โดยติดตามสถานการณ์และพฤติกรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง รายงานข้อมูลอย่างแม่นยำและเป็นระบบ เพื่อสนับสนุนการวางแผนปฏิบัติการทั้งเชิงรุกและเชิงป้องกัน ตลอดจนให้ความสำคัญกับข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อใช้ประกอบการประเมินสถานการณ์และกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม
การตรวจเยี่ยมครั้งนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าในการผลักดันงานสันติวิธีบนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อเดินหน้าสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป