
ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, นายภูมิธรรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นแหล่งแพร่ระบาด เป็นจุดพักยาและเป็นเส้นทางลำเลียงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดย ศปส.กอ.รมน.ภาค 4 สน.ร่วมกับส่วนราชการที่ขับเคลื่อนงานด้านการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้จัดทำ แผนปฏิบัติการ “รวมพลังจิตอาสา เอาชนะยาเสพติดใน จชต.” มุ่งขจัดปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนด้วยการปราบปราม ป้องกัน แก้ไขปัญหายาเสพติด ด้วยการรวมพลังของมวลชนจิตอาสา ร่วมกับศักยภาพของหน่วยราชการ รุกเข้าหมู่บ้าน ชุมชนเป้าหมาย เพื่อเอาชนะยาเสพติดทุกรูปแบบ ซึ่งยึดความพึงพอใจของประชาชนเป็นหลักอย่างต่อเนื่อง

โดยวันนี้ (6 มิถุนายน 2568) ที่ กองอำนวยการรักษาคาวมมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 /ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วย พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4, พลตำตรวจโท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9, พันตำรวจโท นริช สอนดิษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 9, นางวริษา ดวงจินดา ผู้ช่วยโฆษก ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ พลตำรวจโท กฤษฎิ์พงษ์ธร ธนากรวิริยะ รองผู้กำกับการกองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 ร่วมแถลงข่าว ผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการ “รวมพลังจิตอาสา เอาชนะยาเสพติดใน จชต.” โดยมี ผู้บังคับบัญชา สื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ในโอกาสนี้ พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า การแถลงข่าวในวันนี้เป็นการตามแผนปฏิบัติ รวมพลังจิตอาสา เอาชนะยาเสพติดใน จชต. เป็นการเริ่มต้นขึ้นด้วยหัวใจแห่งความร่วมมือและความจริงใจในการแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อนร่วมกัน โดยสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ยังคงเป็นปัญหาที่น่าวิตก ส่งผลกระทบรุนแรงในสังคม ชุมชน ครอบครัว จากข้อมูลล่าสุดพบว่าอัตราผู้เสพยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรสะท้อนได้ว่าไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็นเรื่องของทุกคน ซึ่งทุกคนมีความตั้งใจที่จะลุกขึ้นร่วมแก้ไขปัญหาแต่ติดขัดด้วยงบประมาณและข้อบังคับกฎระเบียบต่างๆ ทางภาครัฐจึงร่วมกับประชาชนมามีส่วนอย่างแท้จริง แผนปฏิบัติการฯ ได้ออกแบบเพื่อบูรณาการพลังของทุกภาคส่วนให้กลายเป็นพลังจิตอาสาเพื่อป้องกัน ปราบปราม ฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด ด้วยความเข้าใจและยึดโยงกับวิถีของชุมชน โดยได้กำหนดพื้นที่ดำเนินการเร่งด่วน จำนวน 150 หมู่บ้านและชุมชนในพื้นที่ 3 จังหวัดและ 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา โดยเน้นการตัดวงจรผู้ค้าให้โอกาสผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดสร้างอาชีพทางเลือกและที่สำคัญคือ สร้างเครือข่ายจิตอาสาในแต่ละหมู่บ้าน เพื่อให้สามารถดูแล ปัญหายาเสพติดด้วยตนเองอย่างยั่งยืน

ด้าน พลตำตรวจโท ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กล่าวว่า แผนปฏิบัติการ “รวมพลังจิตอาสา เอาชนะยาเสพติดใน จชต.” เป็นการขับเคลื่อนงานป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ด้วยการจัดชุดมวลชนเอาชนะยาเสพติด และชุดปฏิบัติการร่วมรุกเข้าสู่หมู่บ้านชุมชนเป้าหมาย ที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดรุนแรง จำนวน 150 หมู่บ้านชุมชน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึง 30 กันยายน 2568 โดยมีความมุ่งหมาย เพื่อขจัดปัญหายาเสพติด และเพื่อเอาชนะยาเสพติดในทุกรูปแบบโดยจัดความพึงพอใจของประชาชนเป็นสำคัญ สำหรับในด้านการปราบปราม และบังคับใช้กฎหมายทางตำรวจภูธรภาค 9/กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ บูรณาการกำลังกับหน่วยงานในพื้นที่ เข้าปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ 150 หมู่บ้าน/ชุมชน เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 และทำการเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายผู้ค้ายาเสพติดในหมู่บ้านชุมชุนเป้าหมายพร้อมกันทุกหน่วยในวันที่ 6 มิถุนายน 2568 โดยผลการปฏิบัติในห้วงวันที่ 1 – 6 มิถุนายน 2568 มีดังนี้ จับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน 120 คดี / ผู้ต้องหา 125 คน ,ข้อหาไม่ร้ายแรง จำนวน 28 คดี ผู้ต้องหา 28 คน ,ข้อหาร้ายแรง จำนวน 92 คดี ผู้ต้องหา 97 คน ,ตรวจยึดของกลาง ยาบ้า จำนวน 264,810 เม็ด และตรวจยึดทรัพย์สิน 8,952,700 บาท

สำหรับการจับกุมของเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด กองบังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมจับกุม นายสรวิชญ์ หรือบังซีด โด่หลี อายุ 33 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า จำนวน 150,000 เม็ด โดยกล่าวหาว่า “มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) อันมีลักษณะเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน โดยผิดกฎหมาย” เหตุเกิด หลังอาคารอเนกประสงค์ลานกีฬาองค์การบริหารส่วนตำบลคู ม.2 ต.คู อ.จะนะ จว.สงขลา (จุดที่ 1) และภายในขนำตรงข้ามบ้านเลขที่ 10 ม.2 ต.คู อ.จะนะ จว.สงขลา (จุดที่ 2) ต่อเนื่องกัน

ด้าน ผู้ช่วยโฆษก ศูนย์อำนวยการบิหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รายงานการดำเนินงานการขับเคลื่อนด้านปัญหายาเสพติดว่า ทาง ศอ.บต.ได้ดำเนินการทำคิกออฟ 120 วัน มีการประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่ 3 จังหวัด 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา มีพื้นที่เป้าหมายในการดำเนินการมาตรการ วิธีการ และข้อกฎหมายข้อจำกัด ซึ่งมีเป้าหมาย 1000 หมู่บ้าน รวมถึงการฟื้นฟูผู้ที่ผ่านการบำบัดยาเสพติดโดยมีเจ้าหน้าที่ฝึกอาชีพและการประกอบอาชีพ และผู้ที่ผ่านการบำบัดยาเสพติดมาแล้ว สามารถเข้าร่วมทำอาชีพได้ เพื่อเปิดโอกาสในการมีชีวิตใหม่กลับสู่สังคมต่อไป

อย่างไรก็ตาม การแถลงข่าวในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการรายงานผลการปฏิบัติงานด้านการบังคับใช้กฎหมายที่เริ่มขึ้นพร้อมกันในทุกพื้นที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนว่ารัฐจะไม่ทอดทิ้งและพร้อมยืนอยู่เคียงช้างชุมชนในการต่อสู้กับภัยยาเสพติดอย่างต่อเนื่องและจริงจังต่อไป
